คำแปลรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐโปรตุเกส (เฉพาะมาตราที่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญ) โดยอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล |
|
|
|
อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นิติศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ ๒) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, DEA de Droit public général et Droit de lenvironnement (Université de Nantes)
|
|
|
|
|
|
|
|
|
รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐโปรตุเกส
ลงวันที่ ๒ เมษายน ๑๙๗๖1
ภาค ๓
องค์กรที่ใช้อำนาจมหาชน
ตอน ๕
ศาล
บทที่ ๑ บททั่วไป
มาตรา ๒๐๕ การดำเนินงานทางตุลาการ
ศาลเป็นองค์กรผู้ใช้อำนาจอธิปไตยเพื่อกระบวนการยุติธรรมในนามของประชาชน
ในกระบวนการยุติธรรม ศาลต้องให้หลักประกันในการคุ้มครองสิทธิและประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของพลเมือง ต้องลงโทษการละเมิดความชอบด้วยกฎหมาย และยุติข้อพิพาททั้งทางมหาชนและทางเอกชน
ในการดำเนินงานทางตุลาการ ศาลมีสิทธิในการขอความช่วยเหลือจากองค์กรอื่น
อาจมีรัฐบัญญัติจัดตั้งองค์กรและกระบวนการยุติข้อพิพาทที่ไม่ใช่ศาลได้
มาตรา ๒๐๖ ความเป็นอิสระ
ศาลเป็นอิสระและอยู่ภายใต้กฎหมาย
มาตรา ๒๐๗ การพิจารณาความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ศาลต้องไม่บังคับใช้กฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือหลักการที่รัฐธรรมนูญรับรองเข้ากับข้อเท็จจริงเพื่อพิพากษาคดี
มาตรา ๒๐๘ คำพิพากษาของศาล
คำพิพากษาของศาลต้องให้เหตุผลตามคดีและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎหมาย
คำพิพากษาของศาลมีผลต่อทุกองค์กรทางมหาชนและเอกชน และมีศักดิ์สูงกว่าคำวินิจฉัยขององค์กรอื่น
ให้มีรัฐบัญญัติกำหนดเงื่อนไขของการบังคับการตามคำพิพากษาและมาตรการลงโทษในกรณีไม่บังคับการตามคำพิพากษา
มาตรา ๒๐๙ การนั่งพิจารณาคดีของศาล
การนั่งพิจารณาคดีของศาลต้องเปิดเผยต่อสาธารณชน เว้นแต่ศาลเห็นว่าจำเป็นต้องคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือเพื่อประกันการดำเนินงานของศาลให้เป็นไปตามปกติ
ตอน ๖
ศาลรัฐธรรมนูญ
มาตรา ๒๒๓ นิยาม
ศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลที่มีเขตอำนาจเฉพาะเจาะจงในกระบวนการยุติธรรมที่มีลักษณะทางกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
มาตรา ๒๒๔ องค์ประกอบและสถานะของตุลาการ
ศาลรัฐธรรมนูญประกอบไปด้วยตุลาการสิบสามคน สิบคนเลือกโดยสภาผู้แทนราษฎร และอีกสามคนเลือกโดยตุลาการสิบคนแรก
ตุลาการหกคนต้องเลือกจากผู้พิพากษาในศาลอื่น และตุลาการที่เหลือต้องเป็นนักกฎหมาย
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีวาระหกปี
ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเลือกตุลาการด้วยกันหนึ่งคนเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีความเป็นอิสระ เป็นกลาง และไม่ต้องรับผิด ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญห้ามดำรงตำแหน่งที่เป็นการขัดกับหน้าที่เช่นเดียวกับผู้พิพากษาในศาลอื่น
ให้มีรัฐบัญญัติที่กำหนดหลักเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวกับสถานะของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
มาตรา ๒๒๕ เขตอำนาจ
ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและความชอบด้วยกฎหมายตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๗๗ เป็นต้นไป
ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจเช่นเดียวกันในกรณีดังต่อไปนี้
a.) ตรวจสอบการตายของประธานาธิบดี ประกาศว่าประธานาธิบดีไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ก่อนครบวาระเนื่องจากปัญหาทางสุขภาพอย่างถาวร และตรวจสอบการถอดถอดประธานธิบดีออกจากตำแหน่งอย่างถาวร
b.) ตรวจสอบการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของประธานาธิบดีตามมาตรา ๑๓๒ วรรคสามและมาตรา ๑๓๓ วรรคสาม
c.) ตัดสินในชั้นสุดท้ายในคดีเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของกระบวนการเลือกตั้ง ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ
d.) ตรวจสอบการตายและความไร้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ทั้งนี้ตามบทบัญญัติในวรรคสามแห่งมาตรา ๑๒๗
e.) ตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการจัดตั้งพรรคการเมืองและการยุบรวมพรรคการเมือง พิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของชื่อ ชื่อย่อ และสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง และมีอำนาจออกคำสั่งยุบพรรคการเมือง ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
f.) ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและความชอบด้วยกฎหมายในเบื้องต้นของการลงประชามติและการปรึกษาหารือทางตรงในระดับท้องถิ่น
ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในกรณีอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและรัฐบัญญัติ
มาตรา ๒๒๖ การจัดองค์กรและการดำเนินงาน
ให้มีรัฐบัญญัติกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับองค์คณะ การจัดองค์กร และการดำเนินงานของศาลรัฐธรรมนูญ
รัฐบัญญัตินั้นต้องกำหนดกฎเกณฑ์ในการดำเนินงานของศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้มีองค์คณะทั่วไปเพื่อทำหน้าที่พิจารณาคดีควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและความชอบด้วยกฎหมายแบบรูปธรรมหรือเพื่อทำหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
รัฐบัญญัตินั้นต้องกำหนดกฎเกณฑ์ในการยื่นคำร้องต่อองค์คณะเต็มของศาลรัฐธรรมนูญ...
ภาค ๔
การคุ้มครองรัฐธรรมนูญและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ตอน ๑
การควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
มาตรา ๒๗๗ ความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
กฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือหลักการที่รัฐธรรมนูญรับรอง กฎเกณฑ์นั้นย่อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญในเชิงรูปแบบของสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ได้ให้สัตยาบันแล้วย่อมทำให้สนธิสัญญาระหว่างประเทศนั้นไม่ใช้บังคับในระบบกฎหมายภายในของโปรตุเกสเว้นแต่สนธิสัญญาระหว่างประเทศนั้นใช้บังคับในระบบกฎหมายภายในของรัฐคู่สนธิสัญญาไปแล้ว ถ้าความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญของสนธิสัญญาระหว่างประเทศดังกล่าวเป็นผลมาจากการละเมิดบทบัญญัติพื้นฐาน สนธิสัญญาระหว่างประเทศนั้นไม่ใช้บังคับในระบบกฎหมายภายในของโปรตุเกส
มาตรา ๒๗๘ การควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแบบป้องกัน
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอาจร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแบบป้องกันของสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่อยู่ในขั้นตอนรอการให้สัตยาบันของประธานาธิบดี ของร่างรัฐบัญญัติและร่างรัฐกำหนดที่อยู่ในขั้นตอนรอการประกาศใช้ของประธานาธิบดี ของข้อตกลงระหว่างประเทศที่อยู่ในขั้นตอนรอการลงนามของประธานาธิบดี 2
รัฐมนตรีกิจการแคว้นปกครองตนเองอาจร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแบบป้องกันของร่างกฎหมายฝ่ายนิติบัญญัติของแคว้นปกครองตนเอง ร่างกฎหมายลำดับรองของแคว้นปกครองตนเอง และร่างรัฐบัญญัติทั่วไปแห่งสาธารณรัฐ ที่อยู่ในขั้นตอนรอการลงนามของรัฐมนตรีกิจการแคว้นปกครองตนเอง
การร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแบบป้องกันต้องทำภายในแปดวันนับจากได้รับร่างกฎหมายนั้นไว้
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ นายกรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งในห้าขึ้นไปของสมาชิกทั้งหมดอาจอาจร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแบบป้องกันของร่างรัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่อยู่ในขั้นตอนรอการประกาศใช้ของประธานาธิบดี3
ก่อนที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะส่งร่างรัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้ประธานาธิบดีเพื่อลงนาม ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรแจ้งแก่นายกรัฐมนตรีและกลุ่มการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรเสียก่อน
การร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแบบป้องกันตามวรรคสี่ต้องทำภายในแปดวันนับจากวันที่นายกรัฐมนตรีและกลุ่มการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรได้รับแจ้งจากประธานสภาผู้แทนราษฎรตามวรรคก่อน
ภายใต้บังคับของบทบัญญัติตามวรรคแรก ประธานาธิบดีไม่อาจประกาศใช้ร่างรัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญก่อนสิ้นระยะเวลาแปดวันนับจากประธานาธิบดีได้รับร่างรัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย ในกรณีที่มีการร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างรัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว
ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยภายในระยะเวลายี่สิบห้าวัน ในกรณีตามวรรคแรก ประธานาธิบดีอาจขอลดระยะเวลาลงได้ด้วยเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน
มาตรา ๒๗๙ ผลของคำวินิจฉัย
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ร่างรัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ร่างรัฐบัญญัติ ร่างรัฐกำหนด ข้อตกลงระหว่างประเทศ ร่างกฎหมายฝ่ายนิติบัญญัติของแคว้นปกครองตนเอง ร่างกฎหมายลำดับรองของแคว้นปกครองตนเอง และร่างรัฐบัญญัติทั่วไปแห่งสาธารณรัฐ4 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ประธานาธิบดีหรือรัฐมนตรีกิจการแคว้นปกครองตนเองแล้วแต่กรณีต้องไม่ลงนามประกาศใช้ และให้ประธานาธิบดีหรือรัฐมนตรีกิจการแคว้นปกครองตนเองส่งกลับไปให้องค์กรนิติบัญญัติที่มีอำนาจให้ความเห็นชอบเพื่อพิจารณาต่อไป
ในกรณีตามวรรคแรก สนธิสัญญาระหว่างประเทศ ร่างรัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ร่างรัฐบัญญัติ ร่างรัฐกำหนด ข้อตกลงระหว่างประเทศ ร่างกฎหมายฝ่ายนิติบัญญัติของแคว้นปกครองตนเอง ร่างกฎหมายลำดับรองของแคว้นปกครองตนเอง และร่างรัฐบัญญัติทั่วไปแห่งสาธารณรัฐ ไม่อาจถูกประกาศใช้หรือลงนามได้ เว้นแต่องค์กรนิติบัญญัติที่มีอำนาจจะตัดบทบัญญัติที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนั้นออก หรือยืนยันให้ความเห็นชอบบทบัญญัติที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนั้นด้วยเสียงสองในสามขึ้นไป
เมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมาย ประธานาธิบดีหรือรัฐมนตรีกิจการแคว้นปกครองตนเองแล้วแต่กรณี อาจร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแบบป้องกันได้ใหม่
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากฎเกณฑ์ในสนธิสัญญาระหว่างประเทศไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ สนธิสัญญาระหว่างประเทศดังกล่าวจะได้รับการให้สัตยาบันได้ก็ต่อเมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสองในสามขึ้นไปให้ความเห็นชอบ
มาตรา ๒๘๐ การควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและความชอบด้วยกฎหมายแบบรูปธรรม
เป็นไปได้ที่จะร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาคำพิพากษาของศาลทั้งหลาย
a.) ซึ่งปฏิเสธไม่บังคับใช้กฎเกณฑ์ทางกฎหมายด้วยเหตุผลที่ว่ากฎเกณฑ์ทางกฎหมายนั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
b.) ซึ่งบังคับใช้กฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่เคยถูกโต้แย้งในระหว่างกระบวนพิจารณาคดีนั้นมาก่อนว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
เป็นไปได้เช่นกันที่จะร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาคำพิพากษาของศาลทั้งหลาย
a.) ซึ่งปฏิเสธไม่บังคับใช้กฎเกณฑ์ทางกฎหมายในระดับนิติบัญญัติด้วยเหตุผลที่ว่ากฎเกณฑ์ทางกฎหมายนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะละเมิดกฎหมายที่มีค่าบังคับในลำดับที่สูงกว่า
b.) ซึ่งปฏิเสธไม่บังคับใช้กฎเกณฑ์ทางกฎหมายของแคว้นปกครองตนเองด้วยเหตุผลที่ว่ากฎเกณฑ์ทางกฎหมายของแคว้นปกครองตนเองนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะละเมิดบทบัญญัติที่เกี่ยวกับสถานะของแคว้นปกครองตนเองหรือรัฐบัญญัติทั่วไปแห่งสาธารณรัฐ
c.) ซึ่งปฏิเสธไม่บังคับใช้กฎเกณฑ์ทางกฎหมายด้วยเหตุผลที่ว่ากฎเกณฑ์ทางกฎหมายนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะละเมิดสิทธิและสถานะของแคว้นปกครองตนเอง
d.) ซึ่งบังคับใช้กฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่เคยถูกโต้แย้งในระหว่างกระบวนพิจารณาคดีนั้นมาก่อนว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยเหตุผลตาม a.), b.) และ c.)
ในกรณีที่กฎเกณฑ์ทางกฎหมายซึ่งศาลไม่บังคับใช้เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ กฎหมายในระดับนิติบัญญัติ หรือรัฐกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุดต้องร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาตาม a.) ของวรรคแรก และ a.) ของวรรคสอง แล้วแต่กรณี
การร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาตาม b.) ของวรรคแรก และ d.) ของวรรคสอง ให้เฉพาะคู่ความที่ยกประเด็นความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือความไม่ชอบด้วยกฎหมายในระหว่างกระบวนพิจารณาคดีเท่านั้นที่อาจร้องขอได้ ให้มีรัฐบัญญัติกำหนดหลักเกณฑ์การรับคำร้องดังกล่าว
เป็นไปได้เช่นกันที่จะร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาคำพิพากษาของศาลทั้งหลายซึ่งบังคับใช้กฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยมาแล้วว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในกรณีนี้สำนักงานอัยการสูงสุดต้องร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา
คำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต้องเกี่ยวกับประเด็นความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือความไม่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
มาตรา ๒๘๑ การควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและความชอบด้วยกฎหมายแบบนามธรรม
ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาและประกาศให้มีผลบังคับทั่วไปถึง
a.) ความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญของทุกกฎเกณฑ์ทางกฎหมาย
b.) ความไม่ชอบด้วยกฎหมายของกฎเกณฑ์ทางกฎหมายในระดับนิติบัญญัติด้วยเหตุผลที่ว่ากฎเกณฑ์ทางกฎหมายนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะละเมิดกฎหมายที่มีค่าบังคับในลำดับที่สูงกว่า
c.) ความไม่ชอบด้วยกฎหมายของกฎเกณฑ์ทางกฎหมายของแคว้นปกครองตนเองด้วยเหตุผลที่ว่ากฎเกณฑ์ทางกฎหมายของแคว้นปกครองตนเองนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะละเมิดบทบัญญัติที่เกี่ยวกับสถานะของแคว้นปกครองตนเองหรือรัฐบัญญัติทั่วไปแห่งสาธารณรัฐ
d.) ความไม่ชอบด้วยกฎหมายของกฎเกณฑ์ทางกฎหมายด้วยเหตุผลที่ว่ากฎเกณฑ์ทางกฎหมายนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะละเมิดสิทธิและสถานะของแคว้นปกครองตนเอง
การพิจารณาและประกาศให้มีผลบังคับทั่วไปถึงความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือความไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว อาจถูกร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญโดย
a.) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ
b.) ประธานสภาผู้แทนราษฎร
c.) นายกรัฐมนตรี
d.) ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
e.) อัยการสูงสุด
f.) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งในสิบขึ้นไป
g.) รัฐมนตรีกิจการแคว้นปกครองตนเอง สภาของแคว้นปกครองตนเอง ประธานสภาของแคว้นปกครองตนเอง ประธานฝ่ายบริหารของแคว้นปกครองตนเอง หรือสมาชิกสภาของแคว้นปกครองตนเองจำนวนหนึ่งในสิบขึ้นไป ในกรณีร้องขอเพื่อพิจารณาความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเนื่องจากละเมิดสิทธิของแคว้นปกครองตนเอง หรือเพื่อพิจารณาความไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากละเมิดสถานะของแคว้นปกครองตนเองหรือรัฐบัญญัติทั่วไปแห่งสาธารณรัฐ
มาตรา ๒๘๒ ผลของการประกาศความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือความไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การประกาศให้มีผลบังคับทั่วไปถึงความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือความไม่ชอบด้วยกฎหมายของกฎเกณฑ์ทางกฎหมายย่อมมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่กฎเกณฑ์ทางกฎหมายนั้นมีผลใช้บังคับ
ในกรณีที่เป็นความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือความไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะละเมิดกฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่ออกมาภายหลัง ให้มีผลนับแต่มีคำวินิจฉัย
ผลของคำวินิจฉัยไม่กระทบต่อคดีที่พิพากษาเสร็จเด็ดขาด เว้นแต่เกี่ยวกับเรื่องโทษทางอาญา โทษทางวินัย โทษทางสังคม หรือเป็นคุณแก่จำเลย
เมื่อเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งนิติฐานะ ความเป็นธรรม และผลประโยชน์ส่วนรวมที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเรียกร้อง ศาลรัฐธรรมนูญอาจกำหนดให้ความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือความไม่ชอบด้วยกฎหมายมีผลจำกัดกว่าที่กำหนดไว่ใรวรรคแรกและวรรคสองก็ได้
มาตรา ๒๘๓ ความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญจากการละเลยไม่ออกกฎหมาย
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา หรือประธานสภาของแคว้นปกครองตนเองเฉพาะกรณียกประเด็นการละเมิดสิทธิของแคว้นปกครองตนเอง อาจยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาและตรวจสอบการไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญเนื่องจากการละเลยไม่ออกมาตรการทางนิติบัญญัติที่จำเป็นต่อการบังคับใช้กฎเกณฑ์ทางรัฐธรรมนูญ
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตรวจพบความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญจากการละเลยไม่ออกมาตรการทางนิติบัญญัติที่จำเป็นต่อการบังคับใช้กฎเกณฑ์ทางรัฐธรรมนูญ ให้ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งต่อองค์กรนิติบัญญัติที่มีเขตอำนาจ
เชิงอรรถ
1. แก้ไขเพิ่มเติมวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๑๙๙๒
2. ถ้อยคำในบทบัญญัติตามมาตรานี้ ใช้คำว่า ทุกรัฐกฤษฎีกาที่ยื่นต่อประธานาธิบดีเพื่อประกาศใช้รัฐบัญญัติหรือรัฐกำหนด และทุกรัฐกฤษฎีกาที่ยื่นต่อประธานาธิบดีเพื่อลงนามในข้อตกลงระหว่างประเทศ เนื่องจากระบบของโปรตุเกสมีเอกลักษณ์เฉพาะ กล่าวคือ การส่งร่างรัฐบัญญัติร่างรัฐกำหนด ร่างข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือร่างกฎเกณฑ์ทางกฎหมายอื่นใดที่ต้องให้ประธานาธิบดีลงนาม ไม่ได้ส่งไปในรูปของตัวร่างแต่อย่างใด หากส่งไปในรูปของรัฐกฤษฎีกาเพื่อลงนามประกาศใช้แทน เพื่อความเข้าใจโดยง่าย ผู้เขียนจึงขอแปลถ้อยคำดังกล่าวให้สอดคล้องกับกระบวนการนิติบัญญัติของไทยและของหลายๆประเทศ โดยใช้ถ้อยคำดังที่ปรากฏแทนคำว่า ทุกรัฐกฤษฎีกาที่ยื่นต่อประธานาธิบดีเพื่อประกาศใช้รัฐบัญญัติหรือรัฐกำหนด และทุกรัฐกฤษฎีกาที่ยื่นต่อประธานาธิบดีเพื่อลงนามในข้อตกลงระหว่างประเทศ
3. ถ้อยคำในบทบัญญัติตามมาตรานี้ ใช้คำว่า ทุกรัฐกฤษฎีกาที่ยื่นต่อประธานาธิบดีเพื่อประกาศใช้รัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เนื่องจากในระบบโปรตุเกสนั้น การส่งร่างรัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้ประธานาธิบดีลงนามประกาศใช้ ไม่ได้ส่งไปในรูปตัวร่างแต่อย่างใด หากส่งไปในรูปของรัฐกฤษฎีกาเพื่อลงนามประกาศใช้แทน เพื่อความเข้าใจโดยง่าย ผู้เขียนจึงขอแปลถ้อยคำดังกล่าวให้สอดคล้องกับกระบวนการนิติบัญญัติของไทยและของหลายๆประเทศ โดยใช้ถ้อยคำ ร่างรัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่อยู่ในขั้นตอนรอการประกาศใช้ของประธานาธิบดี แทนคำว่า ทุกรัฐกฤษฎีกาที่ยื่นต่อประธานาธิบดีเพื่อประกาศใช้รัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
4. ถ้อยคำในบทบัญญัติตามมาตรานี้ ใช้คำว่า ทุกรัฐกฤษฎีกา... ซึ่งโดยความหมายที่แท้จริงแล้วก็คือรัฐกฤษฎีกาที่ยื่นให้ประธานาธิบดีเพื่อลงนามประกาศใช้ร่างกฎหมายต่างๆนั่นเอง ดังที่อธิบายไว้แล้วในเชิงอรรถที่ ๒ และ ๓ เพื่อความเข้าใจโดยง่าย ผู้เขียนจึงขอแปลถ้อยคำดังกล่าวให้สอดคล้องกับกระบวนการนิติบัญญัติของไทยและของหลายๆประเทศ โดยใช้ถ้อยคำ สนธิสัญญาระหว่างประเทศ ร่างรัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ร่างรัฐบัญญัติ ร่างรัฐกำหนด ข้อตกลงระหว่างประเทศ ร่างกฎหมายฝ่ายนิติบัญญัติของแคว้นปกครองตนเอง ร่างกฎหมายลำดับรองของแคว้นปกครองตนเอง และร่างรัฐบัญญัติทั่วไปแห่งสาธารณรัฐ แทนคำว่า ทุกรัฐกฤษฎีกา...
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|