(1) อำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมืองและคณะกรรมการการเลือกตั้ง
|
- ปรับปรุงมาตรา 91 วรรคสอง มาตรา 93 วรรคสอง และมาตรา 95 โดยกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นองค์กรหลักในการพิจารณาการสิ้นสภาพพรรคการเมืองและการเสนอคำร้องเพื่อยุบพรรคการเมือง ส่วนนายทะเบียนพรรคการเมืองให้เป็นองค์กรรอง มีอำนาจหน้าที่ควบคุมพรรคการเมืองในเรื่องอื่น ๆ ทั่วไป ทั้งนี้ เมื่อมีการร้องเรียนหรือนายทะเบียนพบเหตุต้องสงสัยว่า มีพรรคการเมืองเข้าข่ายต้องสิ้นสภาพหรือต้องด้วยเหตุยุบพรรคการเมือง ให้นายทะเบียนเสนอเรื่องต่อ กกต. เพื่อพิจารณา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง อำนาจในการวินิจฉัยให้พรรคการเมืองสิ้นสภาพไปก็ดี อำนาจในการเสนอคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญก็ดี เป็นอำนาจของ กกต. มิใช่ อำนาจร่วมกัน (Co-decision) ของ นายทะเบียนและ กกต. ดังเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
|
(2) เหตุแห่งการสิ้นสภาพพรรคการเมือง
|
- ยกเลิกเหตุสิ้นสภาพพรรคการเมืองตามมาตรา 91 (1) เพราะไม่สามารถหาสมาชิกได้ครบ 5,000 คน หรือมีสาขาพรรคครบทุกภาค
- ลดจำนวนสมาชิกขั้นต่ำอันเป็นเหตุสิ้นสภาพตามมาตรา 91 (2) ให้เหลือ 15 คนดังเช่นกฎหมายพรรคการเมือง 2541
- ปรับปรุงเหตุสิ้นสภาพตามมาตรา 91 (4) การไม่เรียกประชุมใหญ่หรือไม่ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง โดยขยายระยะเวลาออกไปเป็นสองปี
|
(3) การพิจารณาให้พรรคการเมืองสิ้นสภาพ
|
- ปรับปรุงมาตรา 91 โดยเพิ่มหลักการใหม่ได้แก่
(ก) ห้ามมิให้นายทะเบียนประกาศให้พรรคการเมืองสิ้นสภาพในช่วงเวลา 90 วันก่อนวันที่สภาผู้แทนราษฎรครบวาระ หรือนับแต่วันที่มีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ไปจนถึงวันเลือกตั้ง
(ข) ให้การประกาศว่าพรรคการเมืองสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองมีผลตั้งแต่วันที่นายทะเบียนออกประกาศเป็นต้นไป
(ค) ให้สมาชิกของพรรคการเมืองที่ถูกประกาศให้สิ้นสภาพไป จำนวนไม่น้อยกว่า 15 คน สามารถร้องคัดค้านต่อศาลรัฐธรรมนูญได้
|
(4) เหตุแห่งการยุบพรรคการเมือง
|
- ยกเลิกเหตุยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 93 กรณีรายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองและกรณีการใช้จ่ายและรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนของพรรคการเมือง
- ปรับปรุงเหตุเหตุยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 94 (1) โดยตัดข้อความตอนท้ายที่ว่า หรือกระทำการตามที่รัฐธรรมนูญให้ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจโดยวิธีการดังกล่าว ออกไป
- ปรับปรุงเหตุยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 94 (2) การยุบพรรคเพราะฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง โดยเพิ่มองค์ประกอบเรื่องความร้ายแรงและผลกระทบในวงกว้าง ได้แก่ (ก) พฤติกรรมการฝ่าฝืนกฎหมายต้องร้ายแรง และ (ข) ส่งกระทบต่อความสุจริตและเที่ยงธรรมของการเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง
- ปรับปรุงเหตุยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 94 (3) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ โดยตัดคำว่า อันอาจ ออกไป
- ปรับปรุงเหตุยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 94 (4) โดยตัดคำว่า อันอาจ ออกไป สำหรับกรณีภัยต่อความมั่นคงของรัฐทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร และโดยการเพิ่มองค์ประกอบเรื่องความร้ายแรงในกรณีกระทำการขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
- ยกเลิกเหตุยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 94 (5) ทั้งอนุมาตรา
- ยกเลิกเหตุยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 104 วรรคสาม
|
(5) ผลของการสิ้นสภาพพรรคการเมือง
|
- ปรับปรุงมาตรา 97 ใหม่ โดยกำหนดให้หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคการเมืองซึ่งปล่อยปละละเลย มิได้ดำเนินการตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด อันเป็นเหตุให้พรรคการเมืองดังกล่าวต้องสิ้นสภาพไป จะจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่ได้ ภายในกำหนด 5 ปีนับแต่วันที่พรรคการเมืองนั้นสิ้นสภาพไป
|
(6) ผลของการยุบพรรคการเมือง
|
- ปรับปรุงมาตรา 98 ใหม่ โดยกำหนดให้หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคการเมืองซึ่งเป็นสาเหตุให้พรรคการเมืองนั้นถูกยุบไป ต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใด ๆ ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น
- เพิ่มหลักการใหม่ ห้ามการจัดตั้งพรรคการเมืองแทนที่ (Substitute Organization) พรรคการเมืองที่ถูกยุบไป ทั้งนี้ เฉพาะกรณีพรรคการเมืองที่ถูกยุบไปเพราะเหตุกระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย และเหตุกระทำการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักรเท่านั้น
ในกรณีที่มีเหตุดังกล่าว ให้ กกต. เสนอเรื่องผ่านอัยการสูงสุดเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองแทนที่นั้นได้เลย โดยไม่ต้องรอให้มีพฤติการณ์การกระทำความผิดอื่น ๆ ขึ้นใหม่
|
(7) การควบคุมพรรคการเมือง
|
- ปรับปรุงกฎหมายพรรคการเมืองในประเด็นการใช้อำนาจรัฐควบคุมกิจการของพรรคการเมืองใหม่เสียทั้งหมด โดยเพิ่มมาตรการการลด และงดการจัดสรรเงินสนับสนุน การกำหนดให้กรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมต่อ กกต. และต่อพรรคการเมือง และการขยายเหตุในการเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคำสั่งให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคการเมืองต้องพ้นจากตำแหน่ง
|