"นันทวัฒน์ บรมานันท์"ซัดคลิปลับฉาว ศาล รธน.บกพร่องเอง คนแต่งตั้งกุนซืออย่าปฏิเสธความรับผิดชอบ |
|
|
|
|
7 พฤศจิกายน 2553 22:20 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ผ่านวิทยุ เอฟเอ็ม 100.5 รายการ "ช่วยกันคิดทิศทางข่าว" เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม เกี่ยวกับการแต่งตั้งที่ปรึกษาและเลขานุการศาลรัฐธรรมนูญ ว่า
การที่จะนำคนของตัวเองเข้ามาในตำแหน่งที่ปรึกษา ขอถามว่าการที่นำคนของตัวเองเข้ามาควรจะคุมคนของตัวเองให้ได้ด้วยหรือไม่ จะมองอีกมุมหนึ่งหน่วยงานธุรการของศาลมีอยู่แล้ว คือ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งพวกนี้มีสำนักงานอยู่แล้ว ทำไมไม่ให้สำนักงานเหล่านี้คัดเลือกบุคคลที่ไว้ใจได้ที่สุด เป็นกลางที่สุด เข้ามาทำหน้าที่เข้ามาเป็นเลขานุการของตุลาการของผู้พิพากษา มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของสำนักงาน จะได้ตัดตอนว่าตุลาการมาคนเดียวพร้อมความเก่งในสมองในตัวท่านเอง แล้วใช้ความเก่งในการพิจารณาวินิจฉัย ส่วนงานธุรการให้สำนักงานรับผิดชอบไป หากตุลาการต้องการที่จะค้นคว้าเพิ่มเติมไม่ต้องให้ที่ปรึกษาแต่มอบหมายให้ทางสำนักงานทำแทน เพราะสำนักงานมีหน่วยงานทางวิชาการอยู่แล้ว เช่น สำนักงานศาลปกครองจะมีหน่วยงานทางวิชาการจะแข็งมาก มีการแปล มีการจัดสัมมนา การทำงานกับต่างประเทศ บางคนเก่งกว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยหลายคน ฉะนั้นน่าจะให้ไปอยู่ในหน่วยธุรการศาลมากกว่า ตุลาการมาคนเดียวดีกว่าเพื่อให้ความรับผิดชอบอยู่เฉพาะตัว
"เวลาจะพิมพ์อะไรแล้วกลัวความลับรั่วและนำคนของตัวเองเข้ามาต้องรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นความรับผิดชอบจะตกอยู่ที่ตัวสำนักงาน ผมมองว่าน่าจะดีกว่า บางทีเราแยกความรับผิดชอบออกจากตัวตุลาการให้ท่านรับผิดชอบเฉพาะการพิพากษาพิจารณาคดี ส่วนความรับผิดชอบทางด้านธุรการหน่วยงานสนับสนุนทางวิชาการให้สำนักงานไปทำ บางอย่างประหยัดงบประมาณไปได้เยอะ คุมเรื่องคนเรื่องความปลอดภัยได้มากกว่าเพราะคนที่ดูแลหน่วยงานธุรการจะต้องคัดเลือกคนที่ไว้ใจได้ที่สุดเพราะความรับผิดชอบจะตกอยู่ที่คนคัดเลือก เพราะวันนี้เรายังต้องมาคุยกันเรื่องความรับผิดชอบว่าคุณเป็นคนนำเข้ามาแล้วคนของคุณมีเรื่องโยงเรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วจะบอกว่าไล่ออกแสดงความรับผิดชอบ ผมว่ามันไม่ใช่การแสดงความรับผิดชอบ ลักษณะที่เราเข้าใจกันอยู่ ซึ่งมันไม่ใช่ความรับผิดชอบ" ดร.นันทวัฒน์ กล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่าเรียกร้องความรับผิดชอบที่สูงกว่านี้ ?
ดร.นันทวัฒน์ กล่าวว่า ถ้าวันนี้เป็นเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญสังคมต้องบีบให้เลขาธิการลาออกแน่นอน ว่าเลือกคนแบบนี้เข้ามาได้อย่างไร ในสถานที่ที่ต้องรักษาความลับมากที่สุด เลือกคนแบบนี้เข้ามาได้อย่างไร ถ้ามองมุมกลับกันหากเป็นเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญคงถูกบีบให้ลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว
ผู้ดำเนินรายการถามว่า เป็นไปได้อย่างไรที่ประชุมของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคลิปลับออกมาเผยแพร่ตามที่เป็นข่าวสารในตอนนี้?
ดร.นันทวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ทราบต้องถามทางสำนักงาน ผมคิดว่าสังคมต้องให้ความสนใจมากกว่านี้โดยเฉพาะหน่วยธุรการไม่ได้มีปัญหาเรื่องการแต่งตั้งตัวบุคคลเข้าไปแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นความรับผิดชอบของผู้ตั้งที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องพิจารณาคดีเหล่านี้ต้องดูแล้วว่าใครเป็นคนรับผิดชอบ
"ผมมีเรื่องขำที่นึกขึ้นมาได้สมัยที่ผมเป็นที่ปรึกษาศาลรัฐธรรมนูญ ไปเจอตุลาการท่านหนึ่งท่านมีมือถือที่ถ่ายรูปได้ ด้วยความคุ้นเคยจึงถามไปว่า ซื้อโทรศัพท์ใหม่มีกล้องถ่ายรูปด้วยเหรอ ท่านก็ตอบว่า ไม่ สำนักงานซื้อให้ ผมก็ถามด้วยว่า ท่านจะเก็บไว้ถ่ายรูปคู่ความที่มาพิจารณาคดีหรืออย่างไร สำหรับตุลาการหากอยากได้โทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปได้ ทำไมไม่ซื้อเอง ประหยัดเงินรัฐได้ตั้งเยอะแยะ จริงๆของพวกนี้ไม่ควรพาเข้าไปในห้องประชุมด้วยซ้ำไป วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญต้องทบทวน ดูเจ้าหน้าที่ทั้งหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ข่าวรั่วออกมาเป็นไปไม่ได้ เลขาธิการต้องออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบไปแล้วก็จบมันไม่ถูก" ดร.นันทวัฒน์ กล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่า เมื่อใกล้ถึงวันพิพากษาตัดสินคดียุบพรรคแรงกดดัน เสียดสี กระแสดิสเครดิตต่อศาลต่อบุคคลแรงขึ้นเรื่อยๆมองปรากฏการณ์นี้อย่างไรบ้าง
"ผมไม่ได้มองว่าเป็นแรงกดดันอะไรเลย ผมมองว่าเป็นข้อบกพร่องการทำงานของหน่วยงาน ถ้าวันนี้ไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อาจจะเพราะความประมาทเลิ่นเล่อ ความไม่รับผิดชอบอะไรก็ไม่มี จะไปบอกว่าคนนั้นคนนี้ทำไปกดดันเรื่องเกิดขึ้นในศาลไม่ใช่นอกศาล และเกิดขึ้นโดยมีที่มาจากที่ปรึกษาของประธานศาลด้วย อย่าไปบอกว่าคนนอกกดดัน พอหลุดออกมาแล้วบอกว่าคนข้างนอกพูดแล้วบอกว่าคนนอกกดดัน ท่านจะไปทำอะไรกันก็ได้ แล้วพอถึงเวลาคนข้างนอกทราบ แล้วต้องรูดซิปปากพูดไม่ได้ ผมว่าไม่ใช่ การนำเสนอข่าวนี้ดีแล้ว อย่างน้อยสังคมจะได้รับรู้เรื่องการรักษาความปลอดภัย การคัดเลือกคนคุณแย่มาก วันก่อนผมอ่านในมติชนเห็นตัวเลขที่ประเทศชาติเอาเงินภาษีอากรของประชาชนไปจ่ายให้ ค่าที่ปรึกษา รถประจำตำแหน่ง ผมว่ามันไม่คุ้มเลยทำไมไม่ซื้อโตโยต้า วีออส ขับกัน อยากขับรถคันโตๆมีเงินเดือนเป็นแสนทำไมไม่ซื้อกันเอง ผมว่ามันไม่ถูก รถประจำตำแหน่งต้องพอเพียง ขับรถตัวเองคันโตๆมาจากบ้านแล้วมาจอดใช้รถหลวงไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรใช้ในเวลาราชการคันเล็กๆประหยัดดี ทำไมต้องขับคันโตให้ราชการเสียเงิน ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง " ดร.นันทวัฒน์ กล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามถึงกรณีที่อดีตตุลาการศาลปกครองที่เกษียณไปแล้วได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาได้เงินเดือนคนละ5-6 หมื่น มีประมาณ 10 กว่าคนปีหนึ่งเป็นล้านบาทเหมาะสมหรือไม่
ดร.นันทวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องขององค์กรอิสระทั้งหมดถ้ามีการทบทวนได้น่าจะดี น่าจะหาคนมาทำการวิจัยหรือดูว่าการทำให้หน่วยงานอิสระตั้งงบประมาณขึ้นมาดูแลตัวเองได้ มันถูกหรือไม่ถูก ประเทศเราไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวย เรามีคนจนจำนวนมากและกำลังคิดที่จะขยายฐานภาษีเพื่อให้เป็นรัฐสวัสดิการ คนจะได้มีความเสมอภาคกัน
"ถ้าต้องเสียเงินกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้ต้องเก็บภาษีอีกเยอะแยะ คนที่เกษียณไปแล้วมีความสามารถเป็นที่ปรึกษาจริงๆแล้วท่านก็รับเงินเดือนกันมาเยอะๆแล้ว ท่านทำเพื่อชาติไม่ได้หรืออย่างไร มีห้องทำงานมีข้าวให้กินมีค่าน้ำมันรถเหมือนเบี้ยประชุมก็น่าจะพอ ควรจะลงไปดูระบบจ่ายเงินของประเทศชาติได้แล้ว เพราะยังมีอีกหลายเรื่อง ยกตัวอย่าง องค์กรอิสระอีกตั้งหลายแห่งเวลาที่เดินทางไปต่างประเทศ ใช้เงินกันแบบอภิมหาศาล นั่งรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ย์ 7 นั่งเครื่องบินชั้น 1 อาหารการกินต้องดีที่สุด ซึ่งเป็นเงินของประเทศที่มาจากภาษีอากรทั้งนั้น หรือจะบอกว่าเป็นเงินที่ตัวเองหามาได้ แต่ในเมื่อเป็นเงินของรัฐเอาไปสร้างโรงเรียนโรงพยาบาลดีกว่า ท่านไปเมืองนอกครั้งหนึ่ง7-8 คน ไปสร้างโรงเรียนในต่างจังหวัดได้1 แห่งทีเดียว บางครั้งต้องมาดูว่าเรากำหนดฐานเงินเดือนสูงมาก องค์กรมหาชนก้เช่นเดียวกันระดับรองผู้อำนวยการมีเงินเดือน 6 หลัก" ดร.นันทวัฒน์ กล่าว
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|