หน้าแรก บทความสาระ
การเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยเป็นอย่างไร
คุณชำนาญ จันทร์เรือง นักวิชาการอิสระ
30 ธันวาคม 2556 02:15 น.
 
แม้ว่าเราจะมีการเลือกตั้งก็มิได้หมายความว่าเราจะเป็นประชาธิปไตยแล้ว แต่หากประเทศจะเป็นประชาธิปไตยจำเป็นที่จะต้องมีการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในระบอบประชาธิปไตยแบบมีตัวแทน (representative democracy) ซึ่งเป็นกระบวนการคัดสรรตัวบุคคลที่จะไปทำหน้าที่แทนบุคคลทั่วประเทศในสถาบันนิติบัญญัติ และบริหารรวมถึงตุลาการด้วยในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เป็นต้น และการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยจะต้องประกอบไปด้วยหลักการ ดังต่อไปนี้
       1.เป็นการทั่วไป (in general)
       บุคคลที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจะต้องเป็นบุคคลที่อายุเข้าเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดด้วยเหตุวุฒิภาวะ เช่น 16,18 หรือ 20 ปี เป็นต้น โดยต้องไม่จำเพาะเจาะจงว่าเป็นคนชนชั้นใด ไพร่หรือผู้ดี ไม่ว่าจะจบการศึกษาในระดับใด เพศใด หรือมีฐานะทางการเงินหรือไม่ ทั้งนี้  เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของคนทุกคน ไม่เพียงแต่เฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น
       2.เป็นอิสระ (free voting)
       ในการเลือกตั้งนั้นประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีอิสระอย่างเต็มที่ที่จะเลือกตัวแทนของตนโดยไม่ได้ถูกบังคับขู่เข็ญ กดดัน ชักจูงหรือได้รับอิทธิพลใดๆทั้งสิ้น เพื่อที่จะได้เจตจำนงที่แท้จริงของประชาชนแต่ละคน ประเภทที่เข้าแถวแล้วเขียนเบอร์ใส่ฝ่ามือนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นอิสระในการออกเสียงเลือกตั้งแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามในการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีการเขียนเบอร์ใส่ฝ่ามือแล้ว แต่คำสั่งจากที่บ้านให้เลือกฝั่งตรงกันข้ามก็ยังมีอิทธิพลเหนือกว่าอยู่นั่นเอง
       3.มีระยะเวลา (periodic election)
       การเลือกตั้งจะต้องมีการกำหนดว่าการเลือกตั้งแต่ละครั้งจะกำหนดระยะเวลาไว้เท่าใด โดยกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศเป็นการแน่นอน เช่น ส.ส. 4 ปี (อเมริกา 2 ปี,อังกฤษ 5 ปี) ส.ว. 6 ปี เป็นต้น
       4.การลงคะแนนลับ (secret voting)
       เพื่อให้ผู้ที่เลือกตั้งสามารถเลือกบุคคลที่ต้องการเข้าไปเป็นตัวแทนของตนได้อย่างเป็นอิสระ ไม่ต้องเกรงใจใครหรือไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของใคร ในการเลือกตั้งทุกครั้งจึงกำหนดให้แต่ละคนสามารถเข้าไปในคูหาเลือกตั้งได้เพียงครั้งละ 1 คน ยกเว้นบางประเทศที่กฎหมายอนุญาตไว้เป็นข้อยกเว้นเช่น คนพิการหรือคนแก่ เป็นต้น และไม่จำเป็นจะต้องบอกให้คนอื่นทราบว่าตัวเองเลือกใคร หลักการลงคะแนนลับนี้ถือว่าสำคัญมากเพราะแม้แต่ศาลเองก็ไม่สามารถจะสั่งให้เราให้การว่าในการเลือกตั้งนั้นเราลงคะแนนให้แก่ผู้ใด
       5.หนึ่งคนหนึ่งเสียง (one man one vote)
       ในบริษัทมหาชนผู้ที่ถือหุ้นมากกว่าอาจจะมีสิทธิในการลงคะแนนเสียงมากกว่า แต่ในการเลือกตั้งที่เป็นใช้สิทธิทางการเมืองนั้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนมีสิทธิในการออกเสียงได้เพียง 1 เสียงเท่ากัน ไม่ว่าจะมีฐานะอะไร หรือมีบทบาทสำคัญทางการเมืองอย่างไร ก็มีสิทธิได้เพียง 1 เสียงเท่านั้น ที่สำคัญก็คือประเด็นความมีคุณภาพหรือไม่มีคุณภาพของประชากรก็ไม่สามารถนำมาเป็นเหตุในการที่จะให้จำนวนเสียงของแต่ละคนต่างกัน
       ในระยะหลังนี้มีตลกร้ายว่าผู้ที่มีคุณภาพมากกว่าควรจะมีสิทธิมีเสียงมากกว่า ตัวอย่างเช่น ปริญญาเอก 10 เสียง ปริญญาโท 5 เสียง ปริญญาตรี 2 เสียงคนทั่วไป 1 เสียง ฯลฯ หรือ “วาทกรรมอัปลักษณ์ (ugly speech) ”ที่ว่าสามแสนเสียงในกรุงเทพเป็นเสียงที่มีคุณภาพย่อมดีกว่า 15 ล้านเสียงในต่างจังหวัดนั้นก็ได้รับการตอบโต้กลับว่าคนทั่วไปมีสองเท้าที่ก้าวเข้าสู่คูหาเท่ากันและสองเท้านี้ก็พร้อมที่กระทืบคนที่มาขัดขวางการใช้สิทธิเลือกตั้งอันเป็นสิทธิพื้นฐานนี้ได้เช่นกัน
       6.บริสุทธิ์ยุติธรรม (fair election)
       หลักการนี้อาจถือได้ว่าเป็นหลักที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะในหลัก 5 ข้อข้างต้นอาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไปในบริบทของแต่ละประเทศ แต่ถึงแม้ว่าจะมีครบทั้ง 5 หลักข้างต้นแล้วหากขาดเสียซึ่งหลักแห่งความบริสุทธิ์ยุติธรรมแล้วการเลือกตั้งนั้นก็จะเสียไป เพราะการเลือกตั้งที่ดีจะต้องมีการดูแลการเลือกตั้งไม่ให้มีการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสิทธิขายเสียง การติดสินบนเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้ง หรือวิธีการใดๆที่จะทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปอย่างบริสุทธิยุติธรรม
       อย่าลืมว่าในประเทศเผด็จการทั้งหลายแม้จะใช้ชื่อว่าประชาธิปไตยก็ตาม เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยเกาหลี (เกาหลีเหนือ) ฯลฯ ต่างก็มีการเลือกตั้งเช่นกันเพราะเหตุที่ว่าการเลือกตั้งเป็นหัวใจของประชาธิปไตยนั่นเอง แต่การเลือกตั้งในประเทศเผด็จการทั้งหลายนั้นเป็น “การบังคับเลือก” (จะเอาหรือไม่เอา) ที่เรียกได้ว่าเป็นการเลือกตั้งแต่เพียงรูปแบบเท่านั้น
       ประเทศไทยเราก้าวมาไกลแล้วในกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตย ถึงแม้ว่าในบางครั้งอาจมีการสะดุดหยุดอยู่ หรือถอยหลังไปในบางคราวที่เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ความแตกต่างทางความคิดเป็นเรื่องธรรมดา เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย การเดินขบวน การคัดค้านผู้ที่ครองอำนาจรัฐเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย ตราบใดที่ไม่ใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่นกัน และผู้ที่ละเมิดกฎหมายก็ต้องพร้อมรับผลแห่งการละเมิดนั้น
       จะช้าหรือหรือเร็วก็ต้องมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอนและการเลือกตั้งของไทยเราที่จะมีขึ้นไม่ว่าจะก่อนปฏิรูปหรือหลังปฏิรูปก็ตามจะต้องประกอบไปด้วยหลักที่ว่า  เป็นการทั่วไป เป็นอิสระ มีระยะเวลา เป็นการลงคะแนนลับ หนึ่งคนหนึ่งเสียงและบริสุทธิยุติธรรม จึงจะเป็นการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
       ----------


 
 
หลักความเสมอภาค
องค์กรอิสระ : ความสำคัญต่อการปฏิรูปการเมืองและการปฏิรูประบบราชการ โดย คุณนพดล เฮงเจริญ
ปัญหาของการนำนโยบายสาธารณะไปปฏิบัติในประเทศไทย
การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน : ผลในทางปฏิบัติ เมื่อครบรอบหกปีของการปฏิรูปการเมือง
หลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม
   
 
 
 
PAYS DE BREST : COOPERER VOLONTAIREMENT AU SERVICE DU TERRITOIRE
La violence internationale : un changement de paradigme
การลงทะเบียนเพื่อรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในประเทศไทย: มิติด้านกฎหมายและเทคโนโลยี
Tensions dans le cyber espace humanitaire au sujet des logos et des embl?mes
คุณูปการของศาสตราจารย์พิเศษ ชัยวัฒน์ วงศ์วัฒนศานต์ ต่อการพัฒนากฎหมายปกครองและกระบวนการยุติธรรมทางปกครอง : งานที่ได้ดำเนินการไว้ให้แล้วและงานที่ยังรอการสานต่อ
การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม
ยาแก้โรคคอร์รัปชันยุคใหม่
สหพันธรัฐ สมาพันธรัฐ คืออะไร
มองอินโด มองไทย ในเรื่องการกระจายอำนาจ
การฟ้องปิดปาก
 
 
 
 
     

www.public-law.net ยินดีรับพิจารณาบทความด้านกฎหมายมหาชน โดยผู้สนใจสามารถส่งบทความผ่านทาง wmpublaw@public-law.net
ในรูปแบบของเอกสาร microsoft word (*.doc) เอกสาร text ข้อความล้วน (*.txt)ลิขสิทธิ์และความรับผิดตามกฎหมายของบทความที่ได้รับการเผยแพร่ผ่านทาง www.public-law.net นั้นเป็นของผู้เขียน ขอสงวนสิทธิ์ในการนำบทความที่ได้รับการเผยแพร่ไปจัดพิมพ์รวมเล่มเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้สนใจต่อไป ข้อมูลทั้งหมดที่ปรากฏใน website นี้ยังมิใช่ข้อมูลที่เป็นทางการ หากต้องการอ้างอิง โปรดตรวจสอบรายละเอียดจากแหล่งที่มาของข้อมูลนั้น

จำนวนผู้เข้าชมเวบ นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2544