| ประชาธิปไตยกับการเมืองภาคประชาชน | 
                    | 
 
 
 | 
 
  | 
  
 
   
     
       | คุณชำนาญ  จันทร์เรือง
นักวิชาการอิสระ | 
         
     | 
  
  
     
       
         
  
    | 1 กุมภาพันธ์ 2552 21:43 น. | 
    
  
   
  | 
   
  | 
        
      
 | 
    
 
 | 
 
 
  | 
  
  
 
 
  | 
  | 
  | 
  
 
 |   | 
 
  | 
 
 
เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้วว่าประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยนั้นต้องมีการเลือกตั้ง แต่ก็มิได้หมายความว่าประเทศใดที่มีการเลือกตั้งแล้วประเทศนั้นจะเป็นประชาธิปไตยเสมอไป เพราะการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้นประกอบไปด้วย 
       ๑) การเลือกตั้ง(Election) คือการคัดสรรบุคคลเข้าไปทำกิจกรรมทางการเมืองเพื่อใช้อำนาจรัฐโดยการผ่านการออกเสียงของประชาชน ซึ่งในประเทศเผด็จการบางประเทศก็อาจมีการเลือกตั้งเช่นกัน แต่เป็นการบังคับเลือก เพราะเป็นการเลือกตั้งที่เป็นแต่เพียงรูปแบบเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงที่จะต้องมีลักษณะที่เป็นการทั่วไป(in general) เป็นอิสระ(free voting) มีระยะเวลาที่แน่นอน(periodic election) การลงคะแนนลับ(secret voting) หนึ่งคนหนึ่งเสียง(one man one vote) และมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม(fair election) 
       ๒) การออกเสียงลงประชามติ(Referendum) คือการที่ประชาชนมีสิทธิ์ออกเสียงรับรองหรือไม่รับรองในกฎหมายหรือมีส่วนในการกำหนดนโยบายสาธารณะ ๓) การตรวจสอบ(Monitor) คือการที่ประชาชนสามารถมีส่วนใน การตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐได้ อาทิ การใช้สิทธิ์ผ่าน พรบ.ข้อมูลข่าวสารฯ หรือการติดตามการทำงานของนักการเมืองหรือหน่วยงานราชการ ฯลฯ 
       ๔) การถอดถอน(Recall) คือการที่ประชาชนสามารถใช้สิทธิถอดถอนนักการเมืองหรือข้าราชการได้ อาทิ การเข้าชื่อถอดถอนตามรัฐธรรมนูญ หรือการใช้สิทธิทางศาลฟ้องร้องต่อผู้ที่ใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรงเท่านั้น ฯลฯ 
       จึงจะเห็นได้ว่าความเป็น ประชาธิปไตยมิได้มีเฉพาะแต่การเลือกตั้ง ที่เป็นรูปแบบของประชาธิปไตยแบบตัวแทน(Representative Democracy)เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม(Participatory Democracy)หรือ ประชาธิปไตยทางตรง(Direct Democracy) ซึ่งก็คือการเมืองภาคประชาชนนั่นเอง 
        
       การเมืองภาคประชาชนคืออะไร 
       การเมืองภาคประชาชน(Civil or People Politics)เป็นการเคลื่อนไหวของประชาชนโดยไม่ผ่านทางตัวแทนของพรรคการเมือง หรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งประกอบไปด้วยการออกเสียงลงประชามติหรือการมีส่วนในการกำหนดนโยบายสาธารณะ การตรวจสอบการใช้อำนาจ และการถอดถอนโดยภาคประชาชนนอกเหนือจากการมีการเลือกตั้ง เพราะประชาธิปไตยจะไม่มีความหมายอันใดและการเลือกตั้งจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย หากประชาชนไม่สามารถกำหนดนโยบายหรือตรวจสอบการใช้อำนาจและไม่สามารถถอดถอนผู้ใช้อำนาจ ที่มิชอบได้ 
       การที่บางกลุ่มบางคนคิดว่าประชาชนคนชั้นรากหญ้าที่ดูเหมือนว่าจะ ไร้การศึกษานั้นกลับเข้าใจและมีจิตสำนึกทางการเมืองมากว่าชนชั้นกลางเสียอีก เพราะชนชั้นรากหญ้านั้นสามารถค้นคว้าสภาพปัญหาที่ตนเองเผชิญได้อย่างชัดเจนและลึกซึ้งรวมทั้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง(ผ่านทางที่ปรึกษาหรือเอ็นจีโอ) เพราะตัวเขาเป็นผู้ประสบปัญหาเหล่านั้นด้วยตนเอง 
        
       การเคลื่อนไหวของชนชั้นรากหญ้าจะมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนอย่างสันติ ต่อเมื่อไม่มีทางเลือกเป็นอื่นแล้วเท่านั้นจึงจะใช้วิธีการชุมนุมประท้วง กอปรกับการเติบโตของเอ็นจีโอและการเข้าไปคลุกคลีกับประชาชน ทำให้เกิดความร่วมมือในการต่อต้านอิทธิพลของฝ่ายรัฐและฝ่ายทุน อาทิ สมัชชาคนจน สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ ฯลฯ เป็นต้น 
        
       ปัญหาการเมืองภาคประชาชนของไทยอยู่ที่ไหน 
       ประเด็นแรกที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็คือแนวความคิดของผู้นำของรัฐบาลที่ไม่เคยยอมรับการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน โดยมองว่าเป็นเสียงนกเสียงกา มิหนำซ้ำยังซ้ำเติมประชาชนด้วยการใช้นโยบายประชานิยมที่มุ่งเร้าให้ประชาชนใช้จ่ายอย่างฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ซึ่งเป็นการดึงประชาชนให้พึ่งพารัฐมากกว่าที่จะทำให้ประชาชนเข้มแข็งขึ้นด้วยการใช้จ่ายอย่างประหยัดและมัธยัสถ์ดังเช่นพ่อแม่และตัวเองที่พร่ำสอนลูกหลานมาโดยตลอด แต่กลับกระโจนใส่หุบเหวแห่งหายนะด้วยการใช้จ่ายเกินตัวทั้งที่มีบทเรียนอันแสนเจ็บปวดมาแล้วในลาตินอเมริกา หรือแม้กระทั่งล่าสุดในอเมริกาซึ่งถือว่าเป็นเมืองหลวงของทุนนิยมเอง 
       ปัญหาที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่งก็คือความไม่เข้าใจและวางเฉยของสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นกลางที่มีฐานะและมีการศึกษาสูงเสียเปล่าแต่กลับเป็นฝ่ายที่ไม่เอาธุระต่อประโยชน์ส่วนรวม โลเล เช่น เดี๋ยวเอาเดี๋ยวไม่เอานายกฯที่มาจากการเลือกตั้งฯลฯ และมิหนำซ้ำกลับเป็นเสมือนวัวลืมตีนที่ลืมรากเหง้าของตนเองที่หลายๆคนเติบโตมาจากชนบทแต่กลับไม่นึกถึงคนจนที่มีมากกว่าครึ่งประเทศ สนใจแต่ปัญหาของตนเอง เช่น ปัญหารถติด น้ำมันแพง แก๊สขึ้นราคา เงินเฟ้อ ตลาดหุ้นขึ้นหรือลง ฯลฯ แต่ปัญหาทางการเมือง เช่น ปัญหาการ ซื้อสิทธิ์ขายเสียงขายเก้าอี้ทางการเมือง ปัญหาการคอร์รัปชันทางนโยบาย ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ฯลฯ กลับถูกมองว่าธุระไม่ใช่ 
       ประเด็นสุดท้ายของปัญหาการเมืองภาคประชาชนของไทยในปัจจุบันที่ ดูเหมือนว่าจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆก็คือ การออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีผู้คนจำนวนมากออกมาแสดงความคิดเห็นของกลุ่มเสื้อเหลืองเสื้อแดง นักวิชาการ พระสงฆ์ แพทย์ นิสิตนักศึกษา(บ้าง) ฯลฯ การเมืองภาคประชาชนของไทยมีความพยายามปรับโครงสร้างของระบอบประชาธิปไตย โดยการขยายฐานจากชนชั้นนำ นักวิชาการ กลุ่มทหาร กลุ่มนักธุรกิจเพื่อขยายมาสู่ภาคประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งดูเหมือนว่าจะดำเนินไปได้ด้วยดี 
       แต่น่าเสียดายที่พัฒนาการเหล่านี้ถูกทำลายลงด้วยการรัฐประหาร ๑๙ กันยา ๔๙ และการกลับเข้าไปสู่การเป็นรัฐบาลอำมาตยาธิปไตยที่มีกลุ่มอำนาจและกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆหนุนหลัง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนายทุน ขุนศึก ฯลฯ ที่ไม่เคยเชื่อในศักดิ์ศรีของความเท่าเทียมกันของมนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นรากหญ้าหรือคนยากคนจนในชนบทว่าควรจะมีสิทธิ์ มีเสียงเท่ากับคนชั้นนำในเมือง 
       การถูกทำลายของการเมืองภาคประชาชนทำให้ประชาชนง่อยเปลี้ยเสียขา ไม่สามารถต่อสู้เคลื่อนไหวทางการเมืองได้อย่างเดิม เพราะต่างก็มีคดีเป็นชนักติดหลังไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดงก็ตาม 
        
       ทำอย่างไรการเมืองภาคประชาชนของไทยจึงจะเคลื่อนไหวต่อไปได้ 
       การเมืองภาคประชาชนของไทยจะเคลื่อนไหวต่อไปได้ต้องมองเห็นปัญหา ทั้งสามประเด็นดังกล่าวข้างต้นให้ได้ว่า ทำอย่างไรจึงจะไม่ให้เกิดความเฉยเมยและเบื่อหน่ายต่อปัญหาทางการเมือง เพราะถึงอย่างไรเราก็หลีกหนีการเมืองไปไม่ได้ด้วยเหตุที่ว่าการเมืองคือเรื่องของการจัดสรรอำนาจ ซึ่งเราทุกคนต้องเกี่ยวข้องในการเมืองระดับชาติจนถึงในระดับชุมชนหรือสังคม ตั้งแต่เราเกิดจนกระทั่งตาย 
        
       ทำอย่างไรที่จะไม่ให้เรื่องของการเมืองเป็นแต่เพียงเรื่องของการเลือกตั้งหรือประชาธิปไตย ๔ วินาทีนับแต่เรารับบัตรเลือกตั้งแล้วไปหย่อนหีบลงคะแนนเท่านั้น เราต้องมีส่วนในการกำหนดนโยบาย การตรวจสอบและการถอดถอน ซึ่งก็คือการเมืองภาคประชาชนดังที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมดนั่นเอง 
        
       ----------------------- 
  | 
 
 
 | 
 
 
  | 
 
 
  | 
   | 
  
 
  | 
  | 
  | 
  
   | 
  |