|
|
|
|
|
"ทฤษฎีที่พ้นสมัย"
ช่วงที่บทบรรณาธิการนี้ออกเผยแพร่เป็นช่วงเวลาที่ผมเดินทางไปเป็น visiting professor ที่คณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Nantes ประเทศฝรั่งเศสครับ
หลาย ๆ คนที่เป็น แฟนประจำ ของเราคงจะ ชิน กับบทบรรณาธิการของผมที่เล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ต้องการเขียนเพื่อโฆษณาตัวเองใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นธรรมชาติของเราที่ต้องเริ่มทำอะไรก็ตามจากสิ่งที่ใกล้ตัวก่อนครับ ฉะนั้น อย่างเพิ่ง หมั่นไส้ หรือ รำคาญ ที่ผมมักจะเริ่มต้นจาก ตัวเอง ก่อนครับ
คณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Nantes เป็นที่ที่ผมคุ้นเคยมากที่หนึ่งใน ชีวิต ของผมแม้จะเพิ่งรู้จักที่นี่เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.2000 ก็ตามครับ เมือง Nantes เป็นเมืองสงบแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจาก Paris พอสมควร ถ้านั่งรถไฟด่วนความเร็วสูง (Train à Grande Vitesse หรือ TGV) จาก Paris ก็ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงครับ ผมไปเมือง Nantes มาหลายรอบแล้วครับ เคยไปบรรยายแบบไม่เป็นทางการ 2 ครั้ง เป็น visiting professor (มีค่าตอบแทนและมีชั่วโมงสอน) ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 3 แล้วครับ นอกจากนี้แล้ว หนังสือของผมอีก 3 เล่มคือ สัญญาทางปกครอง หลักพื้นฐานกฎหมายปกครองฝรั่งเศส และคำอธิบายศัพท์กฎหมายมหาชนฝรั่งเศส-ไทย ก็เขียนที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยระหว่างที่ผมไปเป็น visiting professor ที่นั่น รวมความแล้ว ความ ก้าวหน้า ทางวิชาการส่วนหนึ่งในชีวิตของผมเกิดขึ้นที่เมือง Nantes ครับ
หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่า ไปต่างประเทศนาน ๆ ไม่คิดถึงบ้านบ้างหรืออย่างไร ก็เป็นธรรมดาของมนุษย์นะครับที่ต้องรู้สึกเช่นนั้น แต่ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งที่มีขึ้นพร้อม ๆ กันกับความรู้สึกคิดถึงบ้านก็คือความรู้สึกตื่นเต้นยินดีกับ ที่ใหม่ ที่เราไป แม้ผมจะมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อย แต่ทุกครั้งที่ได้เดินทางก็จะรู้สึก ตื่นเต้น เหมือนกันครับ ตื่นเต้นที่จะได้ อิสระ กับชีวิตครับ!!! ในชีวิตปกติประจำวันของเรานั้น ต่างคนต่างก็ต้องมี ภาระ ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นภาระเรื่องครอบครัว ภาระเรื่องงาน ภาระทางสังคม ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนหัวถึงหมอนในตอนดึก เราต้องพบกันสิ่งต่าง ๆ มากมาย มีเรื่องให้คิดมีเรื่องให้เครียดเยอะไปหมด ผมค่อนข้างโชคดีที่ปีหนึ่งๆ มีโอกาสเดินทางไปสอนหนังสือต่างประเทศสองหน หนละหนึ่งถึงสองเดือน ในช่วงดังกล่าว ผมจึง หลุดพ้น จาก ภาระ และ ปัญหา ทั้งหลาย ไปใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่งที่ไม่สามารถทำได้ที่กรุงเทพฯ เช่น นั่งทำงานได้ทั้งวันโดยไม่มีใครกวน หรือไปไหนมาไหนได้อย่างเสรีโดยไม่มีใครมาวุ่นวาย แถมอากาศ อาหาร และสภาพแวดล้อมก็ยังดีอีกด้วย เพราะฉะนั้น พอจะได้เดินทางไปฝรั่งเศสทีไร ผมก็จะตื่นเต้นยินดีทุกทีครับ
ไปคราวนี้เป็นเวลา 1 เดือน ผมต้องบรรยาย 2 ครั้งให้นักศึกษาระดับปริญญาเอกฟัง หัวข้อที่กำหนดมาก็คือ การมีส่วนร่วมทางการเมืองและทางการปกครองของประชาชนชาวไทย กับ ระบบศาลคู่และการพิจารณาคดีปกครอง นอกจากนี้แล้ว ผมก็ยังหอบงานไปทำด้วย คือ ผมกำลังแปลรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสเป็นภาษาไทยอยู่ครับ ของเดิมที่ผมได้แปลไว้ให้กับสภาวิจัยแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ.2540 นั้นล้าสมัยเสียแล้ว เพราะฝรั่งเศสได้แก้รัฐธรรมนูญไปหลายครั้ง ไปหนนี้ก็จะใช้เวลาว่างแปลให้เสร็จครับ ส่วนเวลาที่เหลือนั้น เนื่องจากเกือบทุกครั้งที่ไปเมือง Nantes ผมพักอยู่ กับครอบครัวเพื่อนต่างวัยของผม คือ ศาสตราจารย์ ดร. René Hostiou ดังนั้น จึงแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีเวลาว่างเลย เพราะส่วนใหญ่ก็จะนั่งปุจฉา-วิสัชนาทางกฎหมายมหาชนกันเสมอ ไม่ก็ออกไปเดินป่า เดินสวนกับเพื่อน ๆ ของอาจารย์ René ครับ ส่วนตอนเย็นก็จะเป็นอาหารเย็นมื้อใหญ่ที่เจ้าของบ้านมักเชิญเพื่อนอาจารย์คนอื่น ๆ สลับกันเพื่อให้มารู้จักและพูดคุยกับผม ก็ถือได้ว่าโชคดีพอสมควรที่แม้จะไปไกลบ้าน แต่ก็ยังมีความ อบอุ่น อยู่อย่างมากครับ
บทบรรณาธิการคราวหน้า ถ้าเป็นไปได้ ผมจะเขียนส่งมาจาก Nantes ครับ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็จะขอให้กองบรรณาธิการที่นี่ช่วยเขียนแทนครับ แต่ดู ๆ แล้ว กองบรรณาธิการคงจะไม่ค่อยอยากเขียนเท่าไหร่ ผมปล่อยให้เขียนไปครั้งหนึ่งก็ทำเอาวุ่นวายไปหมด เพราะไปเขียนเรื่องการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าข้าง ๆ วัดและวัง เลยทำให้กลายเป็น ประเด็นร้อน ประเด็นหนึ่งของวันนี้ครับ!!
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสฟังรายการวิทยุรายการหนึ่ง ผู้จัดรายการพูดได้น่าสนใจดีก็เลยฟังจนจบด้วย รายการวิทยุดังกล่าวเป็นรายการวิทยุ กึ่ง การเมืองที่จัดเป็นประจำครับ ในตอนหนึ่งของรายการ ผู้จัดรายการได้พูดว่า
.ตามหลักที่มงเตสกิเออร์ได้พูดไว้นานแล้วนั้นวันนี้กลับมาเป็นจริงอย่างชัดเจนว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนโดยแท้จริง
จริง ๆ แล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างที่จะ ไม่สนใจทฤษฎี บางอย่างเท่าไหร่ เพราะในบางกรณี ทฤษฎี เหล่านั้นก็ พ้นสมัย ไปแล้วครับ ยกตัวอย่างเช่น ทฤษฎีว่าด้วยการแบ่งแยกอำนาจ (principe de séparation des pouviors) ที่ Montesquieu เขียนไว้ในหนังสือ De lEsprit de Lois เมื่อปี ค.ศ.1748 (พ.ศ.2291) นั้นก็เป็นหลักที่เรายังเรียนยังสอนกันอยู่ในมหาวิทยาลัยพร้อม ๆ กับเป็นสิ่งที่ประเทศต่าง ๆ ที่เกือบจะเรียกได้ว่าทุกประเทศทั่วโลกยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ทุกวันนี้ ลองนึกดูแล้วกันว่าหากเราจะเปลี่ยนระบบการปกครองกลับไปเป็นแบบเดิมคือ การรวมศูนย์อำนาจอยู่ที่คน ๆ เดียว ก็คงเป็นเรื่องทั้งยุ่งและยากพอสมควรที่จะทำได้เพราะเราเคยชินและอยู่ภายใต้ระบบการแบ่งแยกอำนาจในการปกครองประเทศออกเป็นอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว (เกิน 200 ปีในต่างประเทศและกว่า 70 ปีในประเทศไทย) ดังนั้น ทฤษฎี บางอย่างสำหรับผมจึงเป็น ทฤษฎี ที่พ้นสมัยไปแล้ว (แต่ก็ยังเรียนกันอย่างคร่ำเคร่งเอาเป็นเอาตายครับ!!) เพราะได้รับการนำมาปฎิบัติจนเกิดผลดีวิเศษ
จนไม่สามารถย้อนกลับไปสู่จุดเดิมก่อนที่จะมีการสร้างทฤษฎีเหล่านั้นขึ้นมาครับ!!
เพื่อให้ความกระจ่างกับข้อความที่ผมได้ฟังจากรายการวิทยุดังกล่าวกล่าวไว้ข้างต้น และเพื่อขยายความ หากผู้ใดสนใจค้นคว้าเพิ่มเติมทฤษฎีว่าด้วยการแบ่งแยกอำนาจ ของ Montesquieu หรือผู้ใดสนใจทราบทฤษฎีว่าด้วยอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนของ Jean Jacques Rousseau หรือทฤษฎีว่าด้วยอำนาจอธิปไตยเป็นของชาติของ Sièyes ก็ลองหาอ่านดูได้ในหนังสือ คำอธิบายกฎหมายมหาชน เล่ม 1-3 ของ ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ หรือหนังสือ หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชนว่าด้วยรัฐ รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ของ รศ.ดร. เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์ ครับ
ในสัปดาห์นี้ ผมขอแนะนำหนังสือจำนวนหนึ่งที่ติดค้างไม่ได้แนะนำเอาไว้เสียนานใน หนังสือตำรา ครับ ส่วนบทความเราก็มีบทความเรื่อง บรรทัดฐานใหม่ทางกฎหมายจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดย คุณนพดล เฮงเจริญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และบทความเรื่อง บทบาทของคริสตศาสนจักรโรมันคาธอลิกในระบบการเมืองยุโรปยุคกลาง โดย คุณสโรช สันตะพันธุ์ นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สาขาวิชากฎหมายมหาชน) ผมต้องขอขอบคุณเจ้าของบทความทั้ง 2 ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ผมยังติดใจสิ่งที่ได้ฟังจากรายการวิทยุดังที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นครับ ก่อนจบบทบรรณาธิการนี้เพื่อให้เกิดความ สมบูรณ์ครบถ้วน ผมขอนำเอาคำกล่าว อมตะ ที่คนมักพูดถึงกันบ่อย โดยเฉพาะในท่อนที่ว่า ของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน มาให้อ่านกันเล่นๆ ครับ
That this nation, under God, shall have a new birth of freedom, and that government of the people, by the people, for the people shall not perish from the earth
ที่ไม่เป็น ภาษาฝรั่งเศส ก็เพราะเป็นคำที่ประกาศที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาที่ชื่อ Abraham Lincoln (1809-1965) ได้กล่าวไว้ที่เมือง Gettysburg เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ.1863 ครับ!!
พบกันใหม่วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2548 ครับ
ศาสตราจารย์ ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|