| ผลทางกฎหมายในการเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่  | 
                    | 
 
 
 | 
 
  | 
  
 
   
     
       | คุณสันติ  รัศมีธรรม                                                    
นักวิชาการอิสระ
 | 
         
     | 
  
  
     | 
 | 
    
 
 | 
 
 
  | 
  
  
 
 
  | 
  | 
  | 
  
 
 |   | 
 
  | 
 
 
เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ๙ คน (คนที่ลาออกไป ๑ คน และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เหลืออีก ๘ คน) มีมติเป็นเอกฉันท์เลือกนายวสันต์  สร้อยพิสุทธิ์ เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ แทนนายชัช ชลวร อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญซึ่งลาออกไปเมื่อวันที่ ๑๐ เดือนเดียวกัน  และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจะแจ้งผลให้ประธานวุฒิสภาทราบเพื่อพิจาณานำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป 
                 การกระทำของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายว่า  เป็นการกระทำที่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือไม่  หากไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จะมีขั้นตอนใดที่จะมีการคานอำนาจของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ 
         
       ที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 
                 ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก ๘ คน และจะต้องได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ตามคำแนะนำของวุฒิสภา 
       ผู้ได้รับเลือกให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรวม ๙ คน จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด และผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์และสาขาอื่น ๆ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา จะต้องประชุมและเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ 
       ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ มาตรา ๒๐๔) 
         
       การดำเนินการเมื่อประธานหรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่ง 
                 เมื่อประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นการพ้นจากตำแหน่งตามวาระหรือก่อนครบวาระ จะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ 
                 (๑) ในกรณีที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่งตามวาระพร้อมกันทั้งหมด จะต้องเริ่มดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งบุคคลผู้จะเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน ๙ คน ชุดใหม่ ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดเดิมพ้นจากตำแหน่ง 
                 (๒) ในกรณีที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่งนอกจากกรณีพ้นจากตำแหน่งตามวาระพร้อมกันทั้งหมดตามข้อ (๑) จะต้องดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งบุคคลผู้จะมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ตามสายงานของคนที่พ้นจากตำแหน่ง ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่คนเดิมพ้นจากตำแหน่ง  กรณีที่จะเกิดขึ้นตามข้อ (๒) นี้ได้แก่ การพ้นจากตำแหน่งตามวาระบางส่วน และการลาออกทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบวาระ  ฯลฯ 
                 ในกรณีที่ผู้พ้นจากตำแหน่งตามข้อ (๑) และ (๒) เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ได้รับเลือกมาใหม่ ๙ คน หรือผู้ได้รับเลือกมาใหม่และตุลาการคนเดิมที่เหลืออยู่ จะต้องประชุมและเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ (มาตรา ๒๑๐ วรรคหนึ่งและวรรคสี่ )  หมายความว่า ประธานศาลรัฐธรรมนูญซึ่งลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญต้องพ้นจากความเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปด้วย  ไม่ใช่พ้นเฉพาะตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น 
                 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ได้รับเลือกเข้ามาใหม่แทนคนเก่าอยู่ในตำแหน่งเต็มวาระ ๙ ปี ไม่ใช่อยู่ในตำแหน่งเพียงเท่าวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน     
       กรณีของศาลรัฐธรรมนูญแตกต่างจากกรณีของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)  ในกรณีของ กกต. รัฐธรรมนูญบัญญัติว่า หาก กกต. พ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุอื่นนอกจากถึงคราวออกตามวาระ  จะต้องมีการสรรหาให้ได้คนใหม่มาให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วันนับแต่วันที่มีเหตุดังกล่าว  และผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาอยู่ในตำแหน่งเท่าวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน (มาตรา ๒๓๔ วรรคสอง) รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติว่า กรณีประธาน กกต. หรือ กกต.พ้นจากตำแหน่ง ต้องสรรหาคนใหม่มา และ กกต. คนใหม่อยู่ในตำแหน่งเต็มวาระ (๗ ปี) ดังเช่นกรณีของศาลรัฐธรรมนูญ  เหตูที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เช่นนี้น่าจะเป็นเพราะว่า  หากบัญญัติให้กรณีประธาน กกต. ลาออก ประธาน กกต. ต้องพ้นจากความเป็น กกต. ด้วย น่าจะสรรหาคนใหม่มาแทนได้ยาก  เพราะวาระการอยู่ในตำแหน่งอาจเหลืออยู่ไม่มากนัก และอาจมีปัญหาความต่อเนื่องในการจัดการการเลือกตั้งซึ่งต้องอาศัยความเร่งด่วนของเวลาเป็นสำคัญ  แต่การสรรหา กกต. คนใหม่ต้องใช้เวลานาน อาจไม่ทันเหตุการณ์ 
         
       การกระทำของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่  
                 การที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนเก่าทั้ง ๙ คน ประชุมกันเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ แล้วเลือกนายวสันต์  สร้อยพิสุทธิ์ เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่  แทนนายชัช  ชลวร อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญซึ่งลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๐ วรรคสอง (๑) 
       เพราะในกรณีผู้พ้นจากตำแหน่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องมีการเลือกผู้ที่จะมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่แทนก่อน แล้วคนใหม่และคนเก่าที่เหลืออยู่ร่วมประชุมและเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ  คนเก่าทั้ง ๙ คน จะร่วมประชุมและเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญดังเช่นที่ปรากฏอยู่นี้ไม่ได้ 
       หากจะพูดอย่างนักกฎหมายก็พูดได้ว่า ในกรณีที่ผู้พ้นจากตำแหน่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ จะข้ามไปใช้มาตรา ๒๑๐ วรรคสี่ทันที (โดยคนเก่า ๙ คนประชุมและเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ)  ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๑๐ วรรคสอง ซึ่งให้สายงานเดิมของอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญไปเลือกผู้ที่จะมาแทนก่อนไม่ได้  หากใช้มาตรา ๒๑๐ วรรคสี่ทันที ก็เท่ากับมาตรา ๒๑๐ วรรคสอง กลายเป็นหมันไป และการประชุมเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่กลายเป็นการประชุมของคนเก่าทั้งหมด  ไม่มีผู้ได้รับเลือกให้มาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่เข้าร่วมประชุมด้วย จึงไม่ชอบด้วยมาตรา ๒๐๔ วรรคสาม 
         
       การคานอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ 
                 การดำเนินการของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อมีกรณีประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่ง เป็นการดำเนินการของศาลรัฐธรรมนูญตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ไม่ใช่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้ 
       (๑) เมื่อศาลอื่นส่งเรื่องมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลนั้นจะใช้บังคับแก่คดี ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ (มาตรา ๒๑๑) 
       (๒) เมื่อมีบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ (มาตรา ๒๑๒) 
       (๓) เมื่อประธานรัฐสภา นายกรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่ ๒ องค์กรขึ้นไปเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยกรณีความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรเหล่านั้น (มาตรา ๒๑๔) 
       (๔) คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีอื่นที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย  
       การดำเนินการของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อมีประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่ง จึงไม่ใช่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นเด็ดขาด  มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ (มาตรา ๒๑๖ วรรคห้า) 
                 ทั้งการดำเนินการของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวก็เป็นการกระทำอันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ละคนมีส่วนได้เสียโดยตรง  การกระทำของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวย่อมไม่เป็นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นเด็ดขาดได้  
       การคานอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีเช่นนี้จึงอยู่ที่ขั้นตอนประธานวุฒิสภานำความขึ้นกราบบังคมทูล และคณะองคมนตรีถวายความเห็น 
         
       กล่าวโดยสรุป การที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนเก่าทั้ง ๙ คน ประชุมกันเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ แล้วเลือกนายวสันต์  สร้อยพิสุทธิ์ เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่  โดยไม่ให้ศาลฎีกาประชุมใหญ่เลือกผู้พิพากษาในศาลฎีกาคนหนึ่งไปแทนนายชัช  ชลวร อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมาจากศาลฎีกาและลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๐ วรรคสอง (๑) 
  | 
 
 
 | 
 
 
  | 
 
 
  | 
   | 
  
 
  | 
  | 
  | 
  
   | 
  |