|
|
|
|
|
"ทิศทางในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจไทย"
ผมกลับถึงประเทศไทยได้เกือบสองอาทิตย์แล้วครับ กลับมาถึงก็มีงานที่ต้องทำอีกมาก ทั้งงานด้านวิชาการและงานที่คณะที่ผมต้องเร่งตรวจร่างวิทยานิพนธ์ของนิสิตจำนวนหนึ่งที่จะต้องเสนอต่อมหาวิทยาลัยภายในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ สองอาทิตย์ที่ผ่านมาก็เลยเหนื่อยมากเป็นพิเศษครับ ข่าวเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของไทยเป็นข่าวสำคัญที่อยู่ในความสนใจของคนเป็นจำนวนมาก ผมรู้สึกไม่สบายใจในเรื่องดังกล่าวเพราะเข้าใจว่า ยังมีการเข้าใจผิดกันอยู่อีกมากในสังคมของเราเกี่ยวกับเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียง ส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่ง ของปัญหาใหญ่ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในวันข้างหน้า เพราะหากรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งสามารถ คัดค้าน อำนาจรัฐได้ต้องเป็น ตัวอย่าง ที่ดีสำหรับรัฐวิสาหกิจอื่นที่จะ ตามรอย ต่อไปครับ ปัญหาเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในบ้านเราเป็นปัญหาที่คงต้อง ย้อน กลับไปสู่จุดเริ่มต้นกันใหม่ จุดเริ่มต้นที่ผมกล่าวถึงนี้หมายความไกลไปถึงการเกิดขึ้นของรัฐวิสาหกิจ และการสิ้นสุดความเป็นรัฐวิสาหกิจครับ เราคงต้องวิเคราะห์กันอย่างเป็นระบบในจุดทั้งสองที่ผมกล่าวถึง รัฐวิสาหกิจนั้นเกิดขึ้นมาก็เพราะ รัฐ จัดตั้งขึ้นนะครับ เดิมทีรัฐรับภาระในการจัดทำบริการสาธารณะเพื่อสนองความต้องการของประชาชน ต่อมา รัฐสมัยใหม่ จำนวนหนึ่งก็ใช้วิธีใหม่จัดตั้ง หน่วยงานอิสระ จากระบบรัฐขึ้นมาทำหน้าที่เฉพาะในการจัดทำบริการสาธารณะ รัฐไทยเราก็หันมาใช้วิธีจัดตั้งรัฐวิสาหกิจขึ้นมาดำเนินการจัดทำบริการสาธารณะเช่นกัน โดยในการจัดตั้งก็มีการออกกฎหมาย รัฐวิสาหกิจที่สำคัญ ๆ ให้บริการครอบคลุมทั้งประเทศและต้องมีการใช้อำนาจรัฐ ก็จัดตั้งโดยกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ รองลงมาก็เป็นพระราชกฤษฎีกา และในระยะหลัง ๆ ก็มีการนำเอาระบบก่อตั้ง ธุรกิจ ของเอกชนมาใช้ในการจัดตั้งรัฐวิสาหกิจเชิงธุรกิจที่ต้องการความคล่องตัว คือ การจัดตั้งรัฐวิสาหกิจในรูปแบบบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด แต่ไม่ว่ารัฐวิสาหกิจนั้นจะจัดตั้งโดยกฎหมายประเภทใดก็ตาม รัฐวิสาหกิจทั้งหลายก็ยังคงมีภารกิจในการจัดทำบริการสาธารณะแทนรัฐ ดังนั้นรัฐจึงเป็นผู้ลงทุนใน รัฐวิสาหกิจทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ทุนประเดิมในตอนจัดตั้งไปจนถึงการจัดสรรงบประมาณสำหรับรัฐวิสาหกิจในแต่ละปี เงินลงทุนและเงินต่าง ๆ ที่รัฐนำมาใช้ในการดำเนินการและบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่แล้วก็มีที่มาจากภาษีอากรของประชาชนที่รัฐเก็บมาจากประชาชนและจากค่าใช้บริการของรัฐวิสาหกิจ นอกจากรัฐจะเป็น เจ้าของเงิน ที่ใช้ในการดำเนินการและบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจแล้ว รัฐยังเป็น เจ้าของนโยบาย ในการดำเนินการและบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจด้วย จะเห็นได้จากการกำหนดให้แต่ละรัฐวิสาหกิจมี คณะกรรมการบริหาร ที่แต่งตั้งโดย รัฐ เพื่อนำนโยบายของรัฐไปดำเนินการต่อในรัฐวิสาหกิจ กล่าวโดยสรุปก็คือ ระหว่างรัฐกับรัฐวิสาหกิจนั้นมีความสัมพันธ์โดยตรงต่อกัน เพราะรัฐจัดตั้งรัฐวิสาหกิจขึ้นมาเพื่อดำเนินการจัดทำบริการสาธารณะบางอย่างแทนรัฐ รัฐวิสาหกิจที่รัฐตั้งขึ้นมาบางแห่งก็ประสบผลสำเร็จ มีขนาดใหญ่โต แต่บางแห่งก็ประสบความล้มเหลว ดังนั้น ในต่างประเทศที่ประสบปัญหาเช่นนี้ จึงมีแนวความคิดที่จะ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพราะกิจการบางประเภทนั้น ในปัจจุบันรัฐไม่มีความจำเป็นต้องทำแล้ว การที่รัฐต้องนำเงินมาอุดหนุนรัฐวิสาหกิจต่อไป จะทำให้รัฐมีภาระอย่างต่อเนื่องทั้ง ๆ ที่ไม่ควรจะมี เพราะกิจการเหล่านั้นเป็นกิจการที่ ใคร ๆ ก็ทำได้ นอกจากนี้บางประเทศก็ยังอยากแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้รัฐมีรายได้จากการ ขาย รัฐวิสาหกิจเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ และเกิดขึ้นจากหลาย ๆ เหตุผล ขึ้นอยู่กับ สภาพ และ ความจำเป็น ของแต่ละประเทศ จุดเริ่มต้นที่ผมกล่าวถึงในตอนแรกที่เราต้อง ย้อน ถาม รัฐ หรือ ท่านผู้นำ ของเรา ก็คือ เราจะแปรรูปรัฐวิสาหกิจไปเพื่ออะไร และมีเกณฑ์อย่างไรในการ เลือก รัฐวิสาหกิจที่จะมาแปรรูปครับ สองคำถามนี้เป็นสองคำถามแรกที่จะต้องตอบให้ได้ก่อนที่จะมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจใดรัฐวิสาหกิจหนึ่งหลาย ๆ คนคงอาจสงสัยว่าทำไมถึงต้องตอบคำถามของผม ง่ายมากครับ เพราะหากเราจะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพราะ ระบบ ของรัฐวิสาหกิจไม่ดี คำถามที่จะถามมาต่อไปก็คือ ทำไม่ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้น เพราะระบบที่มีปัญหาก็สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการอื่นที่ไม่ต้องไปไกลถึงขนาดแปรรูปรัฐวิสาหกิจ!!! ส่วนเกณฑ์ในการเลือกรัฐวิสาหกิจมาแปรรูปนั้น คำถามนี้อันตรายมากครับ เพราะอาจเป็นเรื่อง ผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ ผลประโยชน์ข้างเคียง ก็ได้นะครับ คำถามหลังนี้ยังไม่ขอวิจารณ์ ณ ที่นี้ครับ!!!
ผมอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วก็รู้สึก วังเวง กับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจครับ ผมขอยืนยันว่า รัฐวิสาหกิจนั้นเกิดขึ้นมาจาก ภาษีอากร ของประชาชนครับ ฉะนั้นในเมื่อ รัฐบาล ซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนให้เข้ามาบริหารประเทศมีนโยบายที่จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เราก็ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจครับ เพียงแต่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ดีนั้นต้องมี กระบวนการ ที่ดีด้วยและจะต้องปกป้องประโยชน์สาธารณะ เพราะรัฐวิสาหกิจเป็น สมบัติของชาติ ครับ ไม่ใช่สมบัติของใครทั้งนั้น การที่เรา ทำงาน ในรัฐวิสาหกิจไม่ได้หมายความว่า เราเป็น เจ้าของ รัฐวิสาหกิจนั้น ๆ แต่เพียงผู้เดียวนะครับ ในฐานะประชาชนธรรมดาคนหนึ่งที่เสียภาษีอากรต่างหากที่เราจะ อ้างสิทธิ ในความเป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจได้ เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นและปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า คณะกรรมการบริหารรัฐวิสาหกิจมีมติว่าจะไม่ให้แปรรูปรัฐวิสาหกิจ มีมติให้ชะลอการแปรรูปรัฐวิสาหกิจหรือมีมติให้ยกเลิกกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจ นี่ยิ่ง แปลก" เข้าไปใหญ่ครับ เพราะหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารรัฐวิสาหกิจคงไม่ใช่เช่นนั้นนะครับ คณะกรรมการบริหารรัฐวิสาหกิจไม่ น่าจะ อยู่ในสถานะที่สามารถค้านนโยบายระดับชาติได้ และคงไม่ใช่องค์กรที่จะเสนอให้ยกเลิกกฎหมายใด ๆ ได้ด้วยครับ หากคณะกรรมการบริหารรัฐวิสาหกิจ เข้าใจผิดในสาระสำคัญของหน้าที่ ของตนเองแบบนั้นทุกแห่ง คงสนุกแน่ ๆ เลยครับ ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารคง ตกงาน กันเป็นแถว เพราะถูก แย่งหน้าที่ ไปทำหมดครับ!!!
จริง ๆ แล้วผมมีเรื่องเขียนอีกมากเกี่ยวกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่เนื่องด้วยไม่ต้องการให้บทบรรณาธิการนี้ยาวเกินไป ก็คงขอหยุดไว้ตรงนี้ว่า รัฐวิสาหกิจไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของพนักงานของคณะกรรมการบริหาร หรือของรัฐบาล แต่เป็นสมบัติส่วนรวมของชาติและของประชาชนครับ หากรัฐบาลมีนโยบายที่จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจก็ต้องทำครับ แต่ขอให้ทำด้วยความละเอียดรอบคอบ ศึกษาวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ มีกฎหมายที่ดีที่เกิดจากการศึกษาอย่างเป็นระบบเช่นกัน (ไม่ใช่จัด สัมมนา แล้วก็ เก็บ เอาคำพูดของผู้เข้าร่วมสัมมนามา ยกร่าง เป็นกฎหมาย!!! ) และโดยรวม การแปรรูปรัฐวิสาหกิจต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะครับ
ในสัปดาห์ เรามีบทความเรื่อง รัฐธรรมนูญกับการสร้างธรรมรัฐในองค์กรอิสระ โดย นายมนตรี กนกวารี (เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ 7 ว.) ซึ่งผมต้องขอขอบคุณเจ้าของบทความไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ นอกจากบทความแล้วเราก็มีการแนะนำหนังสือดี ๆ อีกจำนวนหนึ่งครับ
พบกันใหม่วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2547 ครับ
รองศาสตราจารย์ ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|