|
|
|
|
|
"ปัญหาภาคใต้"
ผมกลับมาถึงประเทศไทยได้สองสัปดาห์แล้วและก็เป็นธรรมดาเหมือนทุก ๆ ครั้งที่พอจากบ้านไปไกลก็มีเรื่องที่ต้องทำมากมายเมื่อกลับมา แต่ครั้งนี้ออกจะ หนัก กว่าครั้งก่อน ๆ เพราะได้รับแต่งตั้งให้เข้าไปทำงานใหม่ในอีกหลาย ๆ หน้าที่ จนบัดนี้ก็เลยยังยุ่ง ๆ อยู่แล้วก็ยังจัดการกับเรื่องที่คั่งค้างอยู่ไม่เสร็จเสียทีครับ เข้าใจว่า น่าจะใช้เวลาอีก 1-2 สัปดาห์กว่าจะหายใจได้คล่องครับ
แม้ตอนที่ผมอยู่ต่างประเทศ ผมจะติดตามข่าวสารของเมืองไทยอยู่ตลอดเวลาโดยผ่านทาง website ของหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ก็ตาม แต่ผมก็ ตกข่าว อยู่หลายเรื่องด้วยกัน แต่อย่างไรก็ดี ข่าวใหญ่ ๆ อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ภาคใต้ก็เป็นข่าวหนึ่งที่ผมได้รับทราบจากทั้งหนังสือพิมพ์ไทยและหนังสือพิมพ์ต่างประเทศครับ ในบทบรรณาธิการครั้งนี้ ผมจึงขอกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของเราที่ผมพยายาม หลีกเลี่ยง" ไม่นำมากล่าวถึงใน website แห่งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่คราวนี้คงต้องขอพูดถึงบ้างครับ
ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ ตากใบ ผมยังอยู่ที่ฝรั่งเศส ผมมีโอกาสได้เห็นข่าวเล็ก ๆ ข่าวหนึ่งในหน้าหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสที่ พยายาม สรุปสถานการณ์ในบ้านเราว่า ไม่ได้เลวร้ายและไม่เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง แต่เชื่อไหมครับ ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นไม่กี่วันผมมีโอกาสได้พูดคุยกับคนฝรั่งเศสคนหนึ่ง เขากลับมองเหตุการณ์ในบ้านเราว่า น่ากลัว ครับ โดยในการมองของเขานั้น เขามองด้วยสายตาของ นักท่องเที่ยว คนหนึ่งที่เห็นว่า ประเทศเราน่าจะเป็นประเทศที่ ไม่ปลอดภัยที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ละแวกเดียวกับเราเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรานั้นมัน เรื้อรัง อย่างน้อยก็เกิดขึ้นตลอดปีนี้ทั้งปีครับ ดังนั้น ในสายตาของนักท่องเที่ยว จึงควรหลีกเลี่ยงประเทศไทยและหันไปเที่ยวประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ละแวกเดียวกับเรามากกว่า
ผมไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธความเห็นของคนที่พูดกับผม แต่ผมก็อดคิดและวิตกไม่ได้เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคใต้นี้เป็นเหตุการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่ต่างก็วิตกและผมเองก็เข้าใจว่ารัฐบาลคงวิตกมากกว่าประชาชนหลาย ๆ เท่าเพราะมีแต่ความ สูญเสีย เท่านั้นที่เราได้รับจากเหตุการณ์ภาคใต้ครับ
ผมคงไม่พูดถึงเรื่องต่างๆ เพราะรายละเอียดของเหตุการณ์และความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนรับทราบกันดีอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่ผมอยากพูดภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมตากใบ 85 ศพก็คือ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นมีความ รุนแรง มากและผมก็นั่งวิตกอยู่ว่า เหตุการณ์นั้นจะลามปามไปเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่านั้นอีกหรือเปล่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมต้องย้อนกลับมาคิดทบทวนดูว่า การแก้ไขปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ที่ผ่านมานั้น ล้มเหลวหรือผิดพลาดหรือไม่ หรือเป็นเพียง โชคร้าย ของฝ่ายปกครองที่ทำให้ต้องมาเจอกับสิ่งที่ทำให้ตนเองและประชาชนต้องวิตกเป็นทุกข์อย่างเช่นกรณี ตากใบ ที่ผมเข้าใจว่าคงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นหรืออยากจะให้เกิดขึ้นหรอกครับ!!! เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียง โชคร้าย ของทั้งฝ่ายปกครองที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการ แก้ปัญหา จนเกิดเป็น ปัญหาใหญ่ ตามมาในขณะนี้ และเป็น โชคร้าย ของผู้เกี่ยวข้องอีกฝ่ายหนึ่งที่ต้องมาประสบเคราะห์กรรมร่วมกันโดยไม่มีฝ่ายใดตั้งใจที่จะให้เกิดขึ้นครับ
จริง ๆ แล้ว หากเราสนใจปัญหาบ้านเมืองกันบ้างก็พอจะทราบได้ว่า ปัญหาทางภาคใต้นั้นมีมานานแล้ว แต่เราก็คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ปัญหาเริ่มรุนแรงขึ้นในรัฐบาลของ ท่านผู้นำ นี่เองครับ ผมไม่อาจคาดเดาหรือสันนิษฐานได้ด้วยตัวเองว่าทำไมเหตุการณ์ในภาคใต้ถึงได้รุนแรงขึ้นในช่วงเวลาที่ ท่านผู้นำ ปกครองประเทศ หลาย ๆ คนอาจ โยน ไปเป็นเรื่องว่ารัฐบาลใช้นโยบายที่ผิดหรือใช้วิธีที่ผิด คือการใช้กำลังเข้าปราบปราม หลาย ๆ คนอาจ โยน ไปให้ต่างประเทศก็โดยนำไปโยงเข้ากับกรณี 9/11 ในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ปัจจุบันสภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีลักษณะคล้ายกับว่าจะเกิด สงคราม ขึ้นแล้วในบ้านเราเพราะดูจากหนังสือพิมพ์ ยอดนิยม ของคนไทยจะเห็นข่าวพาดหัวว่า มีการฆ่ากันตายทุกวันที่ภาคใต้และวิธีการก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขนาด ฆ่าตัดคอ กันแล้วครับ!!!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่รัฐบาลเองก็คงหนักใจพอสมควร แต่จริง ๆ แล้วผมเข้าใจว่าประเด็นสำคัญที่เราควรจะมองกันให้ทะลุก็คือ วิธีการ ในการแก้ปัญหาว่า ควรจะ เลือก วิธีการใดระหว่าง สันติวิธี ตามแบบของรัฐบาลกับ การปราบปราม ที่ผ่านมา รัฐบาลใช้ทั้งสองวิธีแน่ ๆ ครับ แต่จนกระทั่งวันนี้เราก็คงพอมองเห็นตรงกันแล้วว่า การแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมาล้มเหลว จึงควรมองหาทางอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีที่มีผู้คนจำนวนมากพยายามเสนอทางออกที่ว่านี้ เช่นคุณหมอประเวศ วะสี หรือคณาจารย์จำนวน 144 คนจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ แต่ผมเข้าใจว่าข้อเสนอเหล่านั้นบังเอิญยังไม่ โดนใจ ของ ท่านผู้นำ เข้า ก็เลยยังไม่มีการนำมาขยายผลครับ คงต้องฟัง ๆ กันบ้าง อย่างน้อยลองดูสักครั้งหนึ่งก็คงไม่เสียหายอะไรครับ
ก่อนจะจบเรื่องนี้ ก็ต้องขอพูดเรื่องหนึ่งที่แม้อาจ โดนใจ ท่านผู้นำ แต่ก็ต้องขอพูดล่ะครับ!!! ผมอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันที่ 10 พฤศจิกายน 2547 เกี่ยวกับการประชุม ครม.นอกสถานที่นัดพิเศษเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ข่าวเล่าหลาย ๆ อย่าง รวมทั้งการที่ ท่านผู้นำ ของเรา เบรกแตก พูดออกมาหลาย ๆ เรื่องรวมถึงเรื่อง.... การปราบโจรใต้และการสู้รบ.... ผมอดวิตกไม่ได้นะครับกับคำพูดของ ท่านผู้นำ ยังไง ๆ ก็คงต้องระวังกันหน่อยนะครับ การพูดเรื่องการปราบโจรและการสู้รบ จะทำให้เกิด ภาพ ที่ไม่สู้ดีในสายตาของต่างประเทศและจะยังอาจทำให้เกิด แรงผลักดัน จากคนเหล่านั้นอีกด้วย ที่เหมาะสมควรหาทางแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีจะดีกว่าครับ!!!
เข้ามาสู่สาระทางวิชาการของเรากันดีกว่าครับ ผมตั้งใจว่าจะเขียนบทความดี ๆ สัก 2-3 เรื่อง แต่ก็ยังติดเรื่องที่ ไม่มีเวลา อยู่ ก็เอาไว้ก่อนนะครับ ในสัปดาห์นี้ผมขอเสนองานวิจัยของผมเรื่อง การให้สิทธิประชาชนฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ กรณีละเมิดสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งลงเป็นตอนที่ 4 แล้ว และในสัปดาห์นี้เรามีบทความจากนักเรียนไทยในฝรั่งเศสมานำเสนอใน นานาสาระจากนักเรียนไทยในต่างแดน ครับ เป็นบทความของนางสาวกิตยาภรณ์ ประยูรพรหม นักศึกษาระดับ DEA สาขากฎหมายมหาชนทางเศรษฐกิจ จากมหาวิทยาลัยปารีส 12 ประเทศฝรั่งเศส ที่เขียนเรื่อง บทบาทของรัฐในการก่อให้เกิดตลาดการค้าเสรี ผมคงต้องขอขอบคุณผู้เขียนไว้ ณ ที่นี้ที่ส่งบทความชิ้นนี้มาให้และหวังว่านักเรียนไทยคนอื่น ๆ ที่พอมีเวลาอยู่บ้างจะส่งบทความมาร่วมกับเราด้วยนะครับ
พบกันใหม่วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2547 ครับ
ศาสตราจารย์ ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|