|
|
ความผิดที่ถึงขั้นจะต้องถูกยุบพรรคการเมือง โดย คุณชำนาญ จันทร์เรือง 28 พฤษภาคม 2549 21:16 น.
|
ในยุคสมัยที่การเมืองอยู่ในสภาวะมืดมิดไม่มีทีท่าว่าจะพบแสงสว่างเมื่อใด ต่างฝ่ายต่างก็โทษกันไปมา ไทยรักไทยก็กล่าวโทษประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์ก็กล่าวโทษไทยรักไทย พันธมิตรก็กล่าวโทษ กกต. กกต.ก็กล่าวโทษพรรคฝ่ายค้านที่ไม่ลงเลือกตั้ง ฯลฯ จนหลายคนเลิกอ่านหรือฟังข่าวสารบ้านเมือง เพราะมีแต่ข่าวคราวของการทะเลาะกัน
ว่ากันตามทฤษฏีแล้ว พรรคการเมืองไทยเราควรที่จะเป็นองค์กรกลางที่เชื่อมโยงระหว่างเจตนารมณ์ของประชาชนเข้าด้วยกันโดย
1. ประกาศหรือแถลงนโยบายหลักของพรรคการเมือง เพื่อที่ประชาชนจะได้นำไปศึกษาพิจารณา แล้วตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง
2. ปลุกเร้าและแสดงความคิดเห็นทางการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งเพราะพรรคการเมืองมีบทบาทสำคัญในการสร้างหรือปลุกเร้าความคิดความเห็นทางการเมืองของประชาชน
3. ส่งผู้แทนเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง
4. จัดตั้งรัฐบาล หากได้รับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และปฏิบัติภารกิจตามนโยบายที่ได้วางไว้
5. ควบคุมรัฐบาล หากไม่สามารถได้เสียงข้างมากในสภาอาจจะต้องทำหน้าที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน คอยควบคุมการทำงานของรัฐบาล โดยการตั้งกระทู้ถาม หรือเสนอญัติติ
ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ นอกจากนี้ยังสามารถวิพากษ์วิจารณ์
การทำงานของรัฐบาลผ่านทางสื่อมวลชน การประชุมสัมมนา และช่องทางอื่น ๆ เพื่อควบคุมมิให้รัฐบาลใช้อำนาจตามอำเภอใจ
6. ประสานระหว่างกลุ่มผลประโยชน์กับรัฐบาล โดยการพยายามเสนอข้อเสนอของกลุ่มผลประโยชน์ของตัวเอง และไกล่เกลี่ยผลประโยชน์ให้ได้เพื่อผลประโยชน์ของชาติ และในขณะเดียวกันต้องไม่ขัดกับผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองให้ได้มากที่สุด
แต่ในสภาวการณ์ทางการเมืองไทยในปัจจุบัน จากข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อสารมวลชนต่าง ๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมที่สองพรรคการเมืองใหญ่นั้นไม่เป็นไปตามหลักวิชาการที่ยกมาข้างต้น
แต่อย่างใด ปรากฏแต่การนำข้อมูลมาแฉและโจมตีกันเหมือนตกอยู่ในสภาวะสงครามที่ต่างฝ่าย
ต่างพยายามห้ำหั่นเอาเป็นเอาตายถึงขนาดวางเดิมพันด้วยการยุบพรรคเลยทีเดียว
ข้อหาที่ทั้งสองพรรคยกมาโจมตีกันก็คือพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงสมัครและ
พรรคเก่าแก่จ้างพรรคเล็กล้มพรรคใหญ่นั้น ทำให้ผมนึกถึงสภาพการณ์เจ้าพ่อหรือมาเฟียครองเมืองที่มีการเล่นกลอุบายเชือดเฉือน เชือดคม ชิงไหวชิงพริบกันทุกชั่วโมงอย่างห้ามกระพริบตา ซึ่งหากปรากฏว่าเป็นความจริงตามข้อกล่าวหาแล้ว พรรคการเมืองเหล่านี้ก็ไม่ผิดอะไรกับการเป็นอั้งยี่หรือซ่องโจรที่สมควรถูกขจัดออกไปจากระบบการเมืองไทยเสียให้สิ้น
จริงอยู่การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์พรรคการเมืองเป็นตัวแทนของความต้องการของประชาชน จำเป็นที่จะต้องชิงไหวชิงพริบ ชิงความได้เปรียบในการเข้าสู่อำนาจเพื่อที่จะสามารถนำนโยบายที่รับปากไว้กับประชาชนที่เลือกตนเข้ามาไปปฏิบัติ แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคการเมืองจะได้รับอภิสิทธิ์หรือข้อยกเว้นให้อยู่เหนือกฎหมายหรือจริยธรรมศีลธรรมอันดีงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์หรือล้มล้างการปกครองในระบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ผมดูข่าวการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ของตัวแทนของทั้งพรรคใหญ่และพรรคเล็กในการกล่าวหากันนี้ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน และคลื่นไส้จนแทบอยากอาเจียนออกมา หากไม่นึกถึงความรู้และจิตสำนึกของตนเองที่คอยกระตุ้นเตือนตลอดเวลาว่า อยากได้ประชาธิปไตย ต้องอดทน หรือ บ้านเมืองดีไม่มีขาย อยากได้ต้องสร้างเอง แล้วไซร้ คงได้มีการคายของเก่าทิ้งออกมาบ้างไม่มากก็น้อย
ผมไม่เสียดายวิวัฒนาการของสองพรรคการเมืองใหญ่ที่สั่งสมมาเลย หากทั้งสองพรรค
ที่กำลังรบกันเพื่อชิงความเป็นใหญ่ในบ้านเมืองนั้น มีหลักฐานว่าผิดจริงถึงขั้นยุบพรรคกันแล้ว ก็สมควรที่จะยุบทิ้งทั้งสองพรรคนั้นแหล่ะ แล้วเรามาเริ่มกันใหม่โดยถือเสียว่าเริ่มจากศูนย์ดีกว่าเริ่มจากติดลบจนแทบล้มละลายในปัจจุบัน
จึงอยากจะกระตุ้นให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเร่งที่จะทำความจริงให้ปรากฏด้วยความกล้าหาญ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของประธาน กกต. (ไม่ว่าจะเป็นชุดใดก็ตาม) ตาม มาตรา 66 และ 67แห่ง พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองที่มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคการเมืองในฐานกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
หรือกรณีที่กำลังเป็นข่าวฮิตก็คือบทบาทของอัยการสูงสุด ตาม มาตรา 63 แห่งรัฐธรรมนูญฯ ที่บัญญัติให้ผู้รู้เห็นการกระทำที่เป็นการจ้างพรรคเล็กลงสมัครหรือการจ้างพรรคเล็กล้มพรรคใหญ่ ซึ่งเป็นการกระทำที่น่าจะเข้าข่ายการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยผู้รู้เห็นมีสิทธิเสนอเรื่องต่ออัยการสูงสุดเพื่อเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการจนอาจถึงให้ยุบพรรคเลยก็ได้
ไหน ๆ ก็ล้มกระดานหรือล้างไพ่กันแล้วก็ควรที่จะทำให้เสร็จสิ้นเสียในคราวเดียวกันเสียจะได้เป็นคุณูปการต่อประเทศชาติบ้านเมือง เพราะไม่เช่นนั้นแล้วไม่ว่าใครจะมาเป็น กกต. จัดการเลือกตั้งอีกก็ตาม ก็จะได้แต่พรรคการเมืองหน้าเก่า ๆ ที่มีข้อหาที่กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นชนักติดหลังอยู่เช่นนี้ แล้วบ้านเมืองเราอาจจะต้องถึงคราวอัปปางจนถึงกับจะต้องกู้ชาติกันจริง ๆ เสียแล้ว
เรามาช่วยกันกู้ชาติเสียก่อนที่ชาติจะล่มไม่ดีกว่าหรือ
|
|
|
พิมพ์จาก http://public-law.net/view.aspx?ID=921
เวลา 23 พฤศจิกายน 2567 01:10 น.
Pub Law Net (http://www.pub-law.net)
|