|
|
คำถามต่อการที่องคมนตรีเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยของรัฐ 27 พฤษภาคม 2561 16:52 น.
|
Q: การที่องคมนตรีเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยของรัฐ จะเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่?
A: องคมนตรีเป็นตำแหน่งซึ่งมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา และมีหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๑๐[๑] วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
โดยการเลือกและแต่งตั้งองคมนตรีหรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ถือว่าเป็นไปตามพระราชอัธยาศัยตามมาตรา ๑๑[๒] วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญฯ
และองคมนตรียังมีสถานะเป็นข้าราชการในประเภทข้าราชการในพระองค์ตามมาตรา ๑๐[๓] วรรคหนึ่ง ของพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ด้วย
ดังนั้นย่อมเห็นได้ว่า สถานะขององคมนตรีเป็นตำแหน่งที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด
ด้วยสถานะข้างต้น รัฐธรรมนูญฯ มาตรา ๑๒[๔] จึงบัญญัติห้ามมิให้องคมนตรีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ หรือสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง หรือข้าราชการเว้นแต่การเป็นข้าราชการในพระองค์ในตำแหน่งองคมนตรี และต้องไม่แสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใด ๆ
ทั้งนี้ เพื่อให้องคมนตรีเป็นตำแหน่งที่ปลอดจากการเมือง และเพื่อมิต้องมีอำนาจหน้าที่ในตำแหน่งใด ๆ ของรัฐ อันทำให้ต้องเกี่ยวข้องการปกครองประเทศหรือการจัดทำบริการสาธารณะ
เว้นแต่สนองงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทในฐานะองคมนตรีซึ่งเป็นข้าราชการในพระองค์แต่เพียงอย่างเดียว
จากลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๒ ของรัฐธรรมนูญฯ ปัญหาจึงมีอยู่ว่า ตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยของรัฐเป็นตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งองคมนตรีจะเป็นมิได้ หรือไม่
ต่อประเด็นข้างต้น เห็นว่า แม้รัฐธรรมนูญฯ จะมิได้นิยามความหมายคำว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่คำว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐก็สามารถพิจารณาในระบบกฎหมายทั้งระบบได้ โดยพิจารณาจากบทบัญญัติแห่งกฎหมายฉบับต่าง ๆ ที่กำหนดนิยามคำดังกล่าวไว้
กฎหมายสำคัญที่กำหนดนิยามคำว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งสามารถใช้ตีความคำว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐในรัฐธรรมนูญฯ มาตรา ๑๒ เช่น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
เมื่อพิจารณานิยามคำว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๕[๕] แล้ว จะเห็นได้ว่า ตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยเป็นตำแหน่งของบุคคลซึ่งใช้อำนาจทางการปกครองของรัฐในการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยนั้น ๆ ดังนั้น ตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยจึงเป็นตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว
และเมื่อพิจารณานิยามคำว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓[๖] แล้ว จะเห็นได้ว่า ตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยคือตำแหน่งของบุคคลที่ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยของรัฐซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง โดยมีอำนาจหน้าที่ต่าง ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยนั้น ๆ เพราะฉะนั้น นายกสภามหาวิทยาลัยจึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
ที่สำคัญ เคยปรากฏคำสั่งศาลปกครองซึ่งวินิจฉัยว่า นายกสภามหาวิทยาลัยมีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ เช่น คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คบ.๑๖/๒๕๕๘ (ศาลตัดสินว่านายกสภามหาวิทยาลัยมหาสารคามมีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ)
เมื่อตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยของรัฐเป็นตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐจากการพิจารณาในระบบกฎหมาย ดังนั้น องคมนตรีจึงต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๒ การที่องคมนตรีดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยของรัฐจึงเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
[๑] มาตรา ๑๐ พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและทรงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานองคมนตรีคนหนึ่งและองคมนตรีอื่นอีกไม่เกินสิบแปดคนประกอบเป็นคณะองคมนตรี
คณะองคมนตรีมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา และมีหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
[๒] มาตรา ๑๑ การเลือกและแต่งตั้งองคมนตรีหรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
ให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานองคมนตรีหรือให้ประธานองคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง
ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งองคมนตรีอื่นหรือให้องคมนตรีอื่นพ้นจากตำแหน่ง
[๓] มาตรา ๑๐ ข้าราชการในพระองค์ ได้แก่ข้าราชการดังต่อไปนี้
(๑) องคมนตรี
(๒) ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน
(๓) ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร
(๔) ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายตำรวจ
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
[๔] มาตรา ๑๒ องคมนตรีต้องไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ หรือสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง หรือข้าราชการเว้นแต่การเป็นข้าราชการในพระองค์ในตำแหน่งองคมนตรี และต้องไม่แสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใด ๆ
[๕] มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
เจ้าหน้าที่ของรัฐ หมายความว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นซึ่งมีตำแหน่ง หรือเงินเดือนประจำ พนักงานหรือบุคคลผู้ปฏิบัติงานในรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นซึ่งมิใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ และให้หมายความรวมถึงกรรมการ อนุกรรมการ ลูกจ้างของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ และบุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งใช้อำนาจหรือได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางการปกครองของรัฐในการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งขึ้นในระบบราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการอื่นของรัฐ
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
[๖] มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้
หน่วยงานทางปกครอง หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครองหรือให้ดำเนินกิจการทางปกครอง
เจ้าหน้าที่ของรัฐ หมายความว่า
(๑) ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง คณะบุคคล หรือผู้ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานทางปกครอง
(๒) คณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท คณะกรรมการหรือบุคคลซึ่งมีกฎหมายให้อำนาจในการออกกฎ คำสั่ง หรือมติใด ๆ ที่มีผลกระทบต่อบุคคล และ
(๓) บุคคลที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือในกำกับดูแลของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าของรัฐตาม (๑) หรือ (๒)
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
|
|
|
พิมพ์จาก http://public-law.net/view.aspx?ID=2025
เวลา 22 พฤศจิกายน 2567 13:35 น.
Pub Law Net (http://www.pub-law.net)
|