|
|
เมื่อประธานศาลรัฐธรรมนูญลาออก 14 สิงหาคม 2554 18:20 น.
|
หลายวันที่ผ่านมา มีข่าวด่วนในสื่อมวลชนหลายแขนงว่า นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๔ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบให้นายชัช ชลวร ลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุให้นายชัชพ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อไปจนครบวาระ การพ้นจากตำแหน่งมีผลทันทีนับแต่ที่แสดงเจตนารมณ์ แต่ในระหว่างนี้ คณะตุลาการฯได้มอบหมายให้นายชัชทำหน้าที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญจนกว่าจะได้ประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ เพื่อให้การพิจารณาสำนวนคดีไม่เกิดปัญหา
ข่าวดังกล่าวก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่ามากเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมายว่า ความเห็นและการกระทำของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากไม่สอดคล้อง จะมีผลกระทบต่อการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ และกระทบต่อความรับผิดของบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือไม่ประการใด
องค์ประกอบของศาลรัฐธรรมนูญ
ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอื่นอีก ๘ คน ทั้งสองตำแหน่งจะต้องได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ตามคำแนะนำของวุฒิสภาจากบุคคล ๔ สายงาน คือ สายผู้พิพากษาในศาลฎีกา สายตุลาการศาลปกครองสูงสุด สายผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ และสายผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์รวมทั้งสาขาอื่น
ผู้ได้รับเลือกทั้ง ๙ คน จะต้องประชุมและเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ มาตรา ๒๐๔)
วาระของการดำรงตำแหน่ง
ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๙ ปี และสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว
ในกรณีที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่ (มาตรา ๒๐๘)
การพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระดังกล่าวแล้ว ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังพ้นจากตำแหน่งในกรณีอื่นอีกหลายกรณี เช่น ตาย มีอายุครบ ๗๐ ปีบริบูรณ์ และลาออก เป็นต้น (มาตรา ๒๐๙)
การลาออกสามารถกระทำได้ด้วยการประกาศการลาออกให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนอื่นหรือสาธารณชนทราบ และมีผลตามเงื่อนเวลาที่ประกาศไว้ หากไม่มีเงื่อนเวลา ก็มีผลทันที คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เหลืออยู่ไม่มีอำนาจให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในการลาออก และไม่มีอำนาจมอบหมายให้บุคคลที่พ้นจากตำแหน่งแล้วทำหน้าที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญในระหว่างยังไม่ได้ประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่
การดำเนินการเมื่อมีการพ้นจากตำแหน่ง
เมื่อประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นการพ้นจากตำแหน่งตามวาระหรือก่อนครบวาระ จะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้
(๑) ในกรณีที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่งตามวาระพร้อมกันทั้งหมด จะต้องเริ่มดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งบุคคล ๔ สายงาน จำนวน ๙ คน ชุดใหม่ ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่คณะตุลาการชุดเดิมพ้นจากตำแหน่ง
(๒) ในกรณีที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่งนอกจากกรณีพ้นจากตำแหน่งตามวาระพร้อมกันทั้งหมดตามข้อ (๑) จะต้องดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งบุคคลตามสายงานต่าง ๆ มาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่คนเดิมพ้นจากตำแหน่ง
ในกรณีที่ผู้พ้นจากตำแหน่งตามข้อ (๑) และ (๒) เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ได้รับเลือกมาใหม่ ๙ คน หรือผู้ได้รับเลือกมาใหม่คนหนึ่งหรือหลายคนและตุลาการคนเดิมที่เหลืออยู่ จะต้องประชุมและเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ (มาตรา ๒๑๐ วรรคสี่) การตีความบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเช่นนี้ มีผลทำให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญซึ่งลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญต้องพ้นจากความเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปด้วย ไม่ใช่พ้นเฉพาะตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ปัญหาอันเกิดจากการตีความของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
การตีความของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาต่อองค์กรศาลรัฐธรรมนูญและประเทศชาติหลายประการ ดังนี้
๑) การตีความที่ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ( เข้าประชุมไม่ครบ ๙ คน เพราะมีตุลาการคนหนึ่งไปต่างประเทศ) ตีความบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าวว่า ในกรณีที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่งเฉพาะประธานศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่พ้นจากความเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วย
การตีความของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญน่าจะเป็นการตีความที่ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
(๑) แม้ประธานศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอยู่ด้วย แต่อำนาจหน้าที่นั้นเกิดจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญนั้นเอง เมื่อบุคคลนั้นพ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ย่อมไม่อาจมีอำนาจหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีกต่อไปได้
(๒) รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๐ วรรคสอง บัญญัติถึงขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการในกรณีที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญต้องพ้นจากตำแหน่งในกรณีอื่นนอกจากกรณีพ้นจากตำแหน่งตามวาระพร้อมกันกันทั้งหมด เช่น ลาออก หากตีความตามความเห็นของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ เมื่อประธานศาลรัฐธรรมนูญลาออกจากตำแหน่ง ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ก็พ้นจากตำแหน่งเฉพาะประธานศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ยังไม่พ้นจากความเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยข้ามไปใช้บทบัญญัติในมาตรา ๒๑๐ วรรคสี่ ซึ่งเป็นบัญญัติในการเลือกกันเองคนหนึ่งให้เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญทันที ไม่ ดำเนินการตามบทบัญญัติในมาตรา ๒๑๐ วรรคสอง ซึ่งเป็นการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ก่อน ทั้งๆ ที่บทบัญญัติว่าด้วยการเลือกกันเองคนหนึ่งให้เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ น่าจะเป็นบทบัญญัติที่นำมาใช้ก็ต่อเมื่อมีการดำเนินการให้ได้มาซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ตามมาตรา ๒๑๐ วรรคหนึ่งหรือวรรคสองแล้ว การตีความของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวจึงไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
(๓) ตำแหน่งทุกตำแหน่งของผู้พิพากษาตุลาการ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม หรือศาลปกครอง ต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หากตีความว่าประธานศาลรัฐธรรมนูญที่พ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว ยังเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอยู่อีก จะมีปัญหาว่าต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่างหากจากการแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญเดิมซึ่งบัดนี้ได้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวไปแล้วหรือไม่ หากต้องมี จะมีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตราใดมารองรับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หากไม่ต้องมี ก็คงไม่อาจตอบได้ว่าเหตุใดจึงไม่ต้องมี
ทั้งการตีความว่าประธานศาลรัฐธรรมนูญสามารถเปลี่ยนแปลงตำแหน่งมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ ก็มีลักษณะคล้ายกับการโยกย้ายแต่งตั้งเหมือนระบบของศาลยุติธรรมและศาลปกครอง แต่รัฐธรรมนูญไม่ได้ออกแบบมาให้ศาลรัฐธรรมนูญในการโยกย้ายแต่งตั้งตุลาการ รวมทั้งยังมีปัญหาเกี่ยวกับการรับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญซึ่งลาออกจากตำแหน่งประธานศาลไปแล้ว
๒) ความเสียหายและความรับผิด หากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ดำเนินการเพื่อให้ได้ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ แต่กลับประชุมกันเองและเลือกให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผลสุดท้ายคงยากที่จะทำนายว่าอะไรจะเกิดขึ้น (หากไม่มีการทูลเกล้าฯ หรือทรงไม่โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง)
หากในระหว่างนี้บุคคลซึ่งลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วยังร่วมพิจารณาวินิจฉัยคดีอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ การพิจารณาวินิจฉัยดังกล่าวน่าจะก่อให้เกิดปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และผลผูกพันของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
หากในระหว่างลาออกไป ผู้ลาออกได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นจากทางราชการไป ก็มีปัญหาในการคืนสิ่งที่ได้รับไปแล้วแก่ทางราชการ
บุคคลที่ยังคงเป็นเจ้าพนักงานอยู่ในปัจจุบันต้องสุ่มเสี่ยงต่อความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนผู้ที่พ้นจากตำแหน่งไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานแล้ว ก็มีปัญหาฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดอาญาดังกล่าว นอกจากนี้บุคคลที่เกี่ยวข้องอาจมีปัญหาความรับผิดทางแพ่งหากการกระทำของตนก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
บทสรุป
ผู้เขียนเห็นว่า ในกรณีที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ลาออกต้องพ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญและความเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องมีการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ และให้ผู้ได้รับเลือกเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เหลืออยู่ทั้งหมดและเลือกกันเองคนหนึ่งให้เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ แล้วแจ้งผลให้ประธานวุฒิสภาทราบเพื่อดำเนินการต่อไป.
|
|
|
พิมพ์จาก http://public-law.net/view.aspx?ID=1620
เวลา 22 พฤศจิกายน 2567 18:22 น.
Pub Law Net (http://www.pub-law.net)
|