ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร
_________________
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๒
เป็นปีที่ ๑๔ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช-
บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรด
กระหม่อมให้ประกาศว่า
โดยที่หัวหน้าคณะปฏิวัติซึ่งได้กระทำการยึดอำนาจการ
ปกครองแผ่นดินเป็นผลสำเร็จเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ.
๒๕๐๑ ได้นำความกราบบังคมทูลว่า การที่คณะปฏิวัติได้
ประกาศให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธ
ศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ เสียนั้น
ก็โดยปรารถนาจะให้มีรัฐธรรมนูญที่เหมาะสมและให้การ
ปกครองประเทศเป็นไปโดยเรียบร้อยยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ภายใต้
รัฐธรรมนูญฉบับนั้น การที่จะให้มีรัฐธรรมนูญเช่นว่านี้ สมควร
จัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยสมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิ
จัดร่างขึ้นประกาศใช้ต่อไป แต่ในระหว่างระยะเวลาก่อนที่จะ
ได้มีและประกาศใช้รัฐธรรมนูญซึ่งร่างขึ้นโดยสภาร่างรัฐ-
ธรรมนูญนั้น สมควรให้มีธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร
เพื่อใช้ไปพลางก่อน ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ใน
ขณะนี้ ทรงพระราชดำริเห็นชอบด้วย และเพื่อให้การเป็น
ไปตามที่หัวหน้าคณะปฏิวัตินำความกราบบังคมทูล จึงมีพระ
บรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ใช้บทบัญญัติต่อ
ไปนี้เป็นธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร จนกว่าจะได้
ประกาศใช้รัฐธรรมนูญซึ่งสภาร่างรัฐธรรมนูญจะได้จัดร่างขึ้น
มาตรา ๑ อำนาจอธิปไตยมาจากปวงชนชาวไทย
มาตรา ๒ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว
จะแบ่งแยกมิได้ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และ
ดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย
มาตรา ๓ องค์พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่
เคารพสักการ ผู้ใดจะละเมิดมิได้
มาตรา ๔ ให้มีคณะองคมนตรีคณะหนึ่ง มีจำนวนไม่เกิน
เก้าคน การแต่งตั้งและการพ้นจากตำแหน่งองคมนตรีให้เป็น
ไปตามพระราชอัธยาศัย
มาตรา ๕ พระมหากษัตริย์ทรงตราพระราชบัญญัติใช้
บังคับโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
คณะรัฐมนตรีใช้อำนาจบริหารและศาลใช้อำนาจตุลาการ
ทั้งนี้ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์
มาตรา ๖ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ
และให้มีฐานะเป็นรัฐสภา ทำหน้าที่นิติบัญญัติด้วย
มาตรา ๗ สภาร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยสมาชิกจำนวน
สองร้อยสี่สิบคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงตั้ง
ในกรณีที่ตำแหน่งสมาชิกว่างลง จะได้ทรงตั้งแทนใน
ตำแหน่งที่ว่างนั้น
มาตรา ๘ พระมหากษัตริย์ทรงตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ตามมติของสภา ให้เป็นประธานสภาคนหนึ่ง เป็นรอง
ประธานคนหนึ่งหรือหลายคนก็ได้
มาตรา ๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ สภาร่างรัฐธรรมนูญมีอำนาจตราข้อบังคับการประชุมปรึกษาของสภาเกี่ยวกับการเสนอร่างพระราชบัญญัติ การเสนอญัตติ การประชุม การปรึกษา และกิจการอื่น เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
มาตรา ๑๐ เมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญได้ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญประชุมในฐานะรัฐสภาพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญนั้นว่า จะให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยให้ประกาศใช้หรือไม่ การประชุมปรึกษาดังกล่าวนี้ สภาจะแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญนั้นประการใดมิได้
การประชุมตามความในวรรคก่อน ต้องมีสมาชิกมาประชุม
ไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนสมาชิกสภา จึงจะเป็นองค์-
ประชุม
การประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ให้ประธานสภาลงนามรับ
สนองพระบรมราชโองการ
มาตรา ๑๑ ในกรณีการลงมติของสภาร่างรัฐธรรมนูญตาม
ความในมาตรา ๑๐ ไม่ได้คะแนนเสียงของสมาชิกให้นำร่างรัฐ-
ธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมา-
ภิไธยเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้
สภาร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ และดำเนิน
การต่อไปตามบทบัญญัติแห่งธรรมนูญนี้
มาตรา ๑๒ ในการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ผู้ใดจะกล่าวถ้อยคำใด ๆ ในทางแถลงข้อเท็จจริง หรือ แสดงความคิดเห็น หรือออกเสียงลงคะแนนย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาด ไม่เป็นกรณีที่จะนำไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวผู้นั้นในทางใด
ความคุ้มครองดังกล่าวในวรรคก่อน ให้ใช้แก่ผู้พิมพ์และ
ผู้โฆษณารายงานการประชุมโดยคำสั่งของสภาด้วย
มาตรา ๑๓ ในกรณีที่สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญถูกควบคุมหรือขัง หรือถูกฟ้องในคดีอาญา ให้สั่งปล่อยหรืองดการพิจารณา ในเมื่อประธานสภาร้องขอ
มาตรา ๑๔ พระมหากษัตริย์ทรงตั้งนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง
และรัฐมนตรีมีจำนวนตามสมควร ประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี
มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี จะเป็นสมาชิกสภามิได้
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี มีสิทธิเข้าร่วมประชุมชี้แจง
แสดงความเห็นในที่ประชุมสภา แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลง
คะแนน
มาตรา ๑๕ พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง
มาตรา ๑๖ ก่อนตั้งคณะรัฐมนตรี หัวหน้าคณะปฏิวัติปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี
มาตรา ๑๗ ในระหว่างที่ใช้ธรรมนูญนี้ ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีเห็นสมควรเพื่อประโยชน์ในการระงับหรือปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักรหรือราชบัลลังก์ หรือการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลาย ก่อกวนหรือคุกคามความสงบที่เกิดขึ้นภายในหรือมาจากภายนอกราชอาณาจักร ให้นายกรัฐมนตรีโดยมติของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งการ หรือกระทำการใด ๆ ได้ และให้ถือว่าคำสั่งหรือการกระทำเช่นว่านั้นเป็นคำสั่งหรือการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อนายกรัฐมนตรีได้สั่งการหรือกระทำการใดไปตามความ
ในวรรคก่อนแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีแจ้งให้สภาทราบ
มาตรา ๑๘ บรรดาบทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการใด ๆ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
การตั้งนายกรัฐมนตรี ให้ประธานสภาเป็นผู้ลงนามรับ
สนองพระบรมราชโองการ
มาตรา ๑๙ ผู้พิพากษามีอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย
มาตรา ๒๐ ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตย
ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวแก่การวินิจฉัยกรณีใดตามความใน
วรรคก่อนเกิดขึ้นในวงงานของสภา หรือเกิดขึ้นโดยคณะ
รัฐมนตรีขอให้สภาวินิจฉัย ให้สภาวินิจฉัยชี้ขาด
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
หัวหน้าคณะปฏิวัติ
เล่มที่ ๗๖ ตอนที่ ๑๗ ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ มกราคม ๒๕๐๒
|