รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
(ฉะบับชั่วคราว)
แก้ไขเพิ่มเติม (ฉะบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๔๙๑
---------------------------------
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

คณะอภิรัฐมนตรี ในหน้าที่คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
รังสิต กรมขุนชัยนาทนเรนทร
อลงกฏ
ธานีนิวัต
มานวราชเสวี
อดุลเดชจรัส
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑
เป็นปีที่ ๓ ในรัชชกาลปัจจุบัน

            โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉะบับชั่วคราว) ลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๐ ให้มีบทบัญญัติบังคับไว้ให้ได้มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉะบับถาวรภายในเวลาอันสมควร และให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้อีกทั้งการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉะบับถาวรได้กระทำโดยรัฐสภาประชุมร่วมกัน
            พระมหากษัตริย์โดยความเห็นชอบของรัฐสภา จึงมีพระบรมราชโองการให้ตรารัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นไว้ดั่งต่อไปนี้
            มาตรา ๑ รัฐธรรมนูญนี้เรียกว่า "รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉะบับชั่วคราว) แก้ไขเพิ่มเติม (ฉะบับที่ ๒) พ.ศ.๒๔๙๑"
            มาตรา ๒ รัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
            มาตรา ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้ต่อจากอนุมาตรา (๗) แห่งมาตรา ๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉะบับชั่วคราว) ลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๐ เป็นอนุมาตรา (๘)(๙)(๑๐) และ (๑๑) ตามลำดับ
            "(๘) การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามความในมาตรา ๙๓
            (๙) การเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามความในมาตรา ๙๕ ทวิ
            (๑๐) การกำหนดข้อบังคับว่าด้วยวิธีการสมัครรับเลือกตั้งและวิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามความในมาตรา ๙๕ จัตวา
            (๑๑) การปรึกษาร่างรัฐธรรมนูญตามความในมาตรา ๙๕ ฉ"
            มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉะบับชั่วคราว) ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
            "มาตรา ๘๗ ภายใต้บังคับมาตรา ๕๖ มาตรา ๗๔ และมาตรา ๙๕ สัปต บทกฎหมาย พระราชหัตถเลขาและพระบรมราชโองการใดเกี่ยวกับราชการแผ่นดินต้องมีรัฐมนตรีคนหนึ่งลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ"
            มาตรา ๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้ต่อจากมาตรา ๙๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉะบับชั่วคราว) ลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๐ เป็นมาตรา ๙๕ ทวิ มาตรา ๙๕ ตรี มาตรา ๙๕ จัตวา มาตรา ๙๕ เบ็ญจ มาตรา ๙๕ ฉ มาตรา ๙๕ สัปต และมาตรา ๙๕ อัฏฐ ตามลำดับ
            "มาตรา ๙๕ ทวิ ให้มีสภาขึ้นสภาหนึ่งเรียกว่า "สภาร่างรัฐธรรมนูญ" ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งรัฐสภาเลือกตั้งจากสมาชิกวุฒิสภา ๑๐ คน จากสมาชิกสภาผู้แทน ๑๐ คน และจากผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ๔ ประเภท ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๙๕ ตรี ประเภทละ ๕ คน
            การเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญให้กระทำในสมัยประชุมของรัฐสภา สมัยแรกภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนตามบทฉะเพาะกาลแห่งรัฐธรรมนูญนี้
            มาตรา ๙๕ ตรี ผู้ที่มิใช่สมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกสภาผู้แทนและมีคุณสมบัติดังกำหนดไว้ในประเภทใดประเภทหนึ่งต่อไปนี้ มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
            ประเภท๑ ผู้มีคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนตามบทฉะเพาะกาลแห่งรัฐธรรมนูญนี้
            ประเภท๒ ผู้มีคุณสมบัติดังกล่าวในประเภท ๑ และเป็นผู้ดำรงหรือเคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงหรืออธิบดีหรือเทียบเท่า
            ประเภท๓ ผู้มีคุณสมบัติดังกล่าวในประเภท ๑ และเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผู้แทนหรือสมาชิกพฤฒสภา หรือดำรงหรือเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
            ประเภท๔ ผู้มีคุณสมบัติดังกล่าวในประเภท ๑ และเป็นผู้สำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
            ผู้สมัครจะสมัครได้เพียงประเภทเดียว และผู้มีสิทธิสมัครในประเภท ๒ ประเภท๓ หรือประเภท๔ จะสมัครในประเภท ๑ มิได้
            มาตรา ๙๕ จัตวา วิธีการในการสมัครรับเลือกตั้งและวิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปตามข้อบังคับซึ่งรัฐสภากำหนด
            สมาชิกภาพของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญสุดสิ้นลงเมื่อตายหรือลาออกเท่านั้น และมิให้มีการเลือกตั้งสมาชิกขึ้นแทน
            มาตรา ๙๕ เบ็ญจ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉะบับถาวรให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วันนับแต่วันที่ได้ทำการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนุญเสร็จสิ้น
            เมื่อได้ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นเสร็จตามความในวรรคก่อนแล้ว ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญส่งร่างรัฐธรรมนูญนั้นไปยังรัฐสภาโดยไม่ชักช้า และเมื่อรัฐสภาได้ลงมติตามความในมาตรา ๙๕ ฉ แล้ว ให้สภาพของสภาร่างรัฐธรรมนูญนั้นสุดสิ้นลง
            มาตรา ๙๕ ฉ ให้รัฐสภาปรึกษาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งสภาร่างรัฐธรรมนูญส่งมาตามความในมาตราก่อน และลงมติว่าจะให้นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชทานให้ใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่
            สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญมีสิทธิไปชี้แจงประกอบร่างรัฐธรรมนูญนั้นในที่ประชุมได้
            ร่างรัฐธรรมนูญซึ่งสภาร่างรัฐธรรมนูญได้ร่างขึ้นและส่งมายังรับสภาแล้วนั้นจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมประการใดมิได้
            การลงมติตามความในวรรคแรก ให้ใช้วิธีเรียกชื่อสมาชิกลงคะแนนเป็นรายตัว และมิให้กระทำในวันเดียวกันกับวันที่ปรึกษา
            มาตรา ๙๕ สัปต ถ้ารัฐสภาโดยคะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งจำนวนสมาชิกของทั้งสองสภาลงมติให้นำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชทานให้ใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว ก็ให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการต่อไปตามมตินั้นและเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
            มาตรา ๙๕ อัฏฐ ในกรณีที่รัฐสภาลงมติไม่ให้นำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชทานให้ใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยก็ดี หรือในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชทานให้ใช้ภายในกำหนด ๑๘๐ วันนับแต่วันที่ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายก็ดี ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่และดำเนินการต่อไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้จนกว่ารัฐสภาจะลงมติให้นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายและพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชทานให้ใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยสืบไป"

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ควง อภัยวงศ์
นายกรัฐมนตรี

ตอนที่ ๗ เล่ม ๖๕ ราชกิจจานุเบกษา ๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๑